รองผู้ว่าฯ กทม. เผยพบสัญญาณชีพอ่อน 1 จุด ใต้ซากตึก สตง. ด้านนายกฯ ลงพื้นที่แต่รีบกลับเพราะเกรงรบกวนการทำงาน ขณะที่เจ้าหน้าที่ สตง. นำแปลนอาคารเข้าร่วมหารือ

วันที่ 31 มี.ค. เวลา 12.30 น. รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความคืบหน้าล่าสุดว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งปฏิบัติการช่วยเหลือผู้สูญหายอย่างเต็มที่ เนื่องจากสามารถตรวจจับสัญญาณชีพของผู้สูญหายได้จำนวนหนึ่งราย และเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่รบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ซึ่งต้องการความเงียบในการตรวจสอบสัญญาณชีพที่ยังอ่อนนั้น ท่านนายกรัฐมนตรีจึงได้เดินทางกลับเพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนการปฏิบัติงาน

ขณะนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศและทีมสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกำลังอยู่ในระหว่างการปรึกษาหารืออย่างละเอียดถึงแนวทางการเข้าช่วยเหลือผู้ที่มีสัญญาณชีพดังกล่าวด้วยวิธีที่เหมาะสมที่สุด

สำหรับกรณีที่เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เดินทางเข้ามาในพื้นที่นั้น รศ.ทวิดา กล่าวว่า ได้รับการชี้แจงว่า ทาง สตง. ได้นำแบบแปลนของอาคารมาเพื่อหารือและวิเคราะห์ร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัย เพื่อเป็นแนวทางในการค้นหาและช่วยเหลือผู้สูญหายให้รวดเร็วที่สุด โดยจะพิจารณาว่าพื้นที่บริเวณชั้นใดหรือจุดใดของอาคารมีการใช้งานอย่างไร

รศ.ทวิดา ยังได้ชี้แจงถึงข้อสงสัยเกี่ยวกับความล่าช้าในการปฏิบัติการช่วยเหลือ โดยยืนยันว่าไม่ได้ล่าช้า เนื่องจากเพิ่งตรวจพบสัญญาณชีพของผู้สูญหายได้เมื่อครู่นี้เอง และในส่วนของกรอบเวลา 72 ชั่วโมงนั้น ขอให้เข้าใจว่าเป็นหลักการทางการแพทย์สากลที่บ่งชี้ถึงช่วงเวลาที่มีโอกาสช่วยเหลือผู้สูญหายและมีอัตราการรอดชีวิตสูงที่สุด

ส่วนประเด็นที่ไม่สามารถเจาะทะลุเข้าไปในซากอาคารเพื่อช่วยเหลือได้ทันทีนั้น รศ.ทวิดา อธิบายว่า เนื่องจากผู้สูญหายยังมีชีวิตอยู่ การกระทำใดๆ ที่รุนแรงจนอาจทำให้ซากอาคารถล่มซ้ำจะยิ่งนำมาซึ่งความสูญเสียและเสียหายมากขึ้น ดังนั้นในช่วง 1-2 วันแรก จึงจำเป็นต้องมีกระบวนการหน้างานที่ต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์พื้นที่และประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ แม้จะเลยกรอบเวลา 72 ชั่วโมงไปแล้ว ทีมค้นหาก็ยังคงไม่หยุดปฏิบัติการ แต่โอกาสที่ผู้สูญหายจะอ่อนแอลงนั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น การดำเนินการทุกอย่างจึงต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวังและมีสติ

ขณะที่ การเดินทางมายังพื้นที่ของท่านนายกรัฐมนตรีนั้น มีจุดประสงค์เพื่อติดตามสถานการณ์และรับทราบถึงความยากลำบากในการปฏิบัติงาน ซึ่งจะช่วยให้การประสานความร่วมมือต่างๆ เป็นไปได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการขอความช่วยเหลือในระดับนานาชาติ อำนาจของท่านนายกรัฐมนตรีจะช่วยให้ปฏิบัติการดังกล่าวมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

ในระหว่างการปฏิบัติงาน อาจมีการดับเครื่องจักรเป็นระยะๆ เพื่อตรวจหาสัญญาณชีพ แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา และหลังจากนี้จะพยายามจัดเวลาให้ข้อมูลแก่สื่อมวลชนอย่างสม่ำเสมอ หากมีเหตุเร่งด่วนใดๆ ก็จะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง