ผ่านไป 10 วัน ยอมรับมีความหวังน้อยลง กู้ภัยเผยจะอยู่จนกว่านำผู้ประสบภัยคนสุดท้ายออกจากพื้นที่

“อัญวุฒิ กู้ภัยร่วมกตัญญู“ ยอมรับ ผ่านระยะเวลาเร่งกู้ซากตึก สตง.ถล่มมากว่า 10 วัน ความหวังเริ่มน้อยลง หลายคนเริ่มทำใจ ยืนยันหนักแน่น แม้เหนื่อยสุดใจ แต่เจ้าหน้าที่ทุกคนจะอยู่จนกว่าจะนำผู้ประสบภัยคนสุดท้ายออกจากจุดเกิดเหตุ มอง ขุดย้ายซากปรักหักพังได้กว่า 30% แล้ว แย้มเจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว คืนที่ผ่านมาส่งชุดค้นหาลงโพรงไปตรวจสอบลึก 5-6 เมตร แต่ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม รับได้กลิ่นแรง สั่งเร่งเดินหน้าเครื่องจักรเคลียร์ซากต่อเนื่อง ส่วนทีมงานบางส่วนถอนกำลังไม่มีผลกระทบ และไม่เสียกำลังใจ เพราะถือเป็นทีมสนับสนุน พร้อมเครื่องมือพิเศษเต็มที่แล้ว

 

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 7 เม.ย. ที่ บริเวณด้านหน้าโครงการก่อสร้างอาคาร สตง.แห่งใหม่ ถนนกำแพงเพชร 2 แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพฯ นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยสำหรับความคืบหน้าเรื่องการกู้ภัยเหตุอาคารก่อสร้าง สตง. ถล่มนั้น ได้มีการปฏิบัติต่อเนื่องมาตั้งแต่คืนวานนี้(6 เม.ย.) อีกทั้งแม้ช่วงเช้าวันนี้จะมีฝนตกลงมา แต่เมื่อฝนหยุดตก เจ้าหน้าที่ก็ยังดำเนินการลุยต่อเนื่อง ซึ่งต้องยอมรับว่าตอนนี้เวลาผ่านไปมากแล้ว ความหวังเริ่มน้อยลงหลายคนเริ่มทำใจแล้ว เพราะหากดูจากโครงสร้างที่พังถล่มลงมาในรูปแบบลักษณะนี้ โอกาสมีผู้รอดน้อย แต่เราก็จะไม่ทิ้งความหวังเลย เพราะภายหลังจากที่ฝนหยุดตกเมื่อช่วงเช้า เครื่องจักรหนักก็ได้ทำงานต่อ กระทั่งเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา บริเวณโซนซี (Zone C) สามารถขุดเจาะเปิดช่องหนึ่งได้ลึกมาก จนสามารถนำเอาเจ้าหน้าที่กู้ภัยลงในช่องได้ มีทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยของ กทม.เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกตัญญูและเจ้าหน้าที่กู้ภัยผสม ล้วนได้มีการลงไปตรวจสอบแบบแนวดิ่งที่ความลึกประมาณ 5-6 เมตร มีลักษณะเป็นโถง คล้ายปล่องลิฟต์ ซึ่งจากการที่เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประเมินหาอยู่นานนั้น ก็ได้ประสบกับกลิ่นแรงมาก จึงได้มาร์คจุดเพื่อให้พบกับผู้ประสบภัย อย่างไรก็ตาม เราก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ขึ้นมาก่อน โดยจะให้บริเวณโซนซีดังกล่าวได้ใช้เครื่องจักรหนักขุดลุยอีกครั้ง แม้ผู้ประสบภัยจะเป็นเคสสีใดเราก็จะเอานำทุกร่างออกมาให้ได้

 

นายอัญวุฒิ เผยอีกว่า ในการปฏิบัติที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่เจอร่างผู้ประสบภัยลักษณะของร่างจะเหมือนทุกสิ่งมีน้ำหนักขนาดใหญ่กดทับ ร่างแหลก และเป็นเคสสีดำ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะพยายามนำร่างออกมาให้ครบ อีกทั้งเมื่อคืนวานนี้ (6 เม.ย.) ในช่วงกลางดึกระหว่างที่เครื่องจักรหนักหยุดทำงานชั่วคราว เจ้าหน้าที่ได้เจอชิ้นส่วนอวัยวะหลายจุด ซึ่งก็ได้นำส่งเจ้าหน้าที่สถาบันนิติเวช เพื่อให้แพทย์ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอต่อไป

 

นายอัญวุฒิ เผยต่อว่า สำหรับฝนที่ตกลงมาในช่วงเช้า ทำให้เกิดอุปสรรค คือ พื้นดินมีเศษปูน มีทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อดีคือลดฝุ่นได้มาก แต่ข้อเสียคือหลังฝนหยุดตกก็มีแดดเเรง อุณหภูมิสูง และทิ้งคราบเลนไว้มาก ต้องระวังเพิ่มเติม ส่วนไหนที่ไม่แข็งแรงเจ้าหน้าที่ก็ต้องระวังมากขึ้น ส่วนเรื่องการปรับแผนดำเนินงาน ที่มีการถอนกำลังของบางส่วนออกไปนั้น ตนต้องเรียนว่าตอนนี้ย่างเข้าเกิน 10 วันแล้ว ดังนั้น ทีมค้นหาขนาดเล็ก ทีมสุนัขกู้ภัย K9 อาจไม่ต้องใช้แล้ว เพราะน้องสุนัขทำงานหนักแล้ว อีกทั้งตนเชื่อว่าหลายคนเป็นห่วงน้อง ๆ แต่ต้องบอกว่าเวลาเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องการความช่วยเหลือจากน้อง ๆ ในเวลาใดก็ตาม ทั้งน้องสุนัขและเจ้าหน้าที่จะพร้อมเสมอ ทั้งนี้ วันนี้ถือว่าครบ 10 วันแล้ว หลายหน่วยงานขนาดเล็กเริ่มถอนตัว อาทิ โรบอตต่าง ๆ ตอนนี้เราจึงเน้นเครื่องจักรหนักและทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัย

 

นายอัญวุฒิ เผยด้วยว่า เราจะลดการค้นหาน้อยลง แต่จะเน้นรื้อโครงสร้างให้มากที่สุด หากเจออะไรก็จะให้เครื่องจักรหนักหยุดก่อนแล้วให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปตรวจสอบ ทั้งนี้การถอนตัวของทีมอื่น ๆ ไม่ได้ทำให้เป็นอุปสรรค เพราะปกติแล้วเรามีทีม ปภ. ทีมทหาร ทีมกู้ภัย เป็นทีมหลักอยู่แล้ว แต่ที่เข้ามาช่วยเป็นทีมเสริม มีอุปกรณ์ที่เข้ามาทำให้เราเสี่ยงน้อยลง และเพิ่มโอกาสให้ผู้ประสบภัยมากขึ้น เช่น โดรนสแกน เป็นต้น

 

นายอัญวุฒิ เผยอีกว่าเนื่องด้วยยังมียอดจำนวนผู้สูญหายจำนวนมาก ตอนนี้เราเน้นโซนซีและโซนบี ส่วนบริเวณข้างหน้าที่ประชาชนและนักข่าวมองเห็นนั้น คือ โซนเอและโซนดี ซึ่งถ้าหากมีการเปิดข้างหน้าเหมือนกัน เราก็ต้องระมัดระวัง ไม่อย่างนั้นมันจะทำให้โครงสร้างที่พังอยู่อาจเท หรือลาดทรุดลงได้ ทั้งนี้ กำลังใจของทุกคน ถ้าพูดตรง ๆ คือ ทุกคนเหนื่อยมากนอนน้อยมาก แต่เวลาถามใครก็ไม่มีใครบอกว่าเหนื่อย แต่แม้กระทั่งใจจริงๆของตน ก็บอกเลยว่าเหนื่อย แต่คำพูดว่าเหนื่อยไม่มีสำหรับพวกเรา ตราบใดก็ตาม เราจะอยู่จนกว่าจะนำผู้ประสบภัยคนสุดท้ายออกจากที่นี่ แล้วพวกเราถึงจะกลับไปพักผ่อน

 

ส่วนกระแสดราม่าที่มีหลายคนมองว่าไม่เห็นทำอะไรเลย ดูไม่มีความคืบหน้าเลยนั้น นายอัญวุฒิ เผยว่าตนมองว่าไม่เป็นไรเพราะถ้ามันเป็นเสียงเล็ก ๆ ตนมองว่ากำลังใจของคนส่วนมากมันให้กับพวกเรามากกว่า เพราะเสียงติงเป็นเหมือนติ่งแค่นิดเดียว เราแค่ดูแค่รับรู้กำลังใจไม่เสีย แต่สิ่งพวกนั้นเราก็ต้องกลับมาดูว่าถ้ามันเป็นจริงถ้ามันช้า เราก็ต้องรีบ แต่จริง ๆ ในการปฏิบัติไม่ได้ช้าอะไรเลย เรากลับทัพออกไปแป๊บเดียว เดินออกมาหาข้าวกินกลับเข้าไปโซนเดิมก็พบว่าถูกรื้อไปได้เยอะแล้ว เครื่องจักรหนักค่อนข้างรุกเต็มที่

 

นายอัญวุฒิกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ โซนซีตนก็ให้ความหวังตัวเองและทีมทุกครั้งว่าถ้าเปิดตรงนี้ได้เดี๋ยวเราจะเจอ แต่พอเปิดไปก็ตันตลอด อีกทั้งเมื่อคืนกลางดึกตอนเวลา 23.00 น. ก็ได้มีการเข้าทุกจุดเป็นครั้งสุดท้าย มีการนำเอาสุนัข K9 มาทำการค้นหา เจ้าหน้าที่ก็ได้ปีนไปดูทุกมิติ ทั้งข้างบนทั้งข้างล่าง ทั้งทุกโซน มุดเข้าไปทุกโพรง เราให้เครื่องจักรหนักหยุด จนถึงเกือบตีหนึ่ง พบเป็นผู้ประสบภัยที่ถูกทับอยู่ แต่ตอนนี้ในโซนบียังออกไม่ได้เพราะเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ทับไว้อยู่ ซึ่งตนต้องบอกว่าตั้งแต่วันแรกที่เราได้ปฏิบัติการ บางครั้งเราเจอจุดที่เจอผู้ประสบภัยถูกยืนยันว่าเสียชีวิตแล้ว เราก็ไม่ได้รีบเอาออกวันนั้นเพราะเรายังคงไปรื้ออันอื่นก่อน เพราะถ้าเราเอาตรงนี้ออกเลยมันจะทำให้โครงสร้างอื่นเกิดความอันตรายได้ ส่วนที่โซนบีก็เช่นกัน เพราะว่าร่างของเขาอยู่ด้านด้านบน แล้วแผ่นใหญ่ก็ยังทับไว้อยู่ ถ้าไปเอาออกมาเลยโครงสร้างอื่นจะเกิดอันตรายได้

 

“ส่วนเรื่องเครื่องแบคโฮที่มีข่าวว่าทรุดนั้น เนื่องจากแบคโฮได้ลุยขึ้นไปแต่ว่าทรุดนิดเดียวไม่มาก  เพราะว่าดินมันเป็นดินเลน ตอนนี้รองเท้าทุกคนเดินต้องระวัง เพราะเดินจมดิน ดินก็หุ้มข้อเท้า ต้องระมัดระวัง มันก็มีทั้งฝุ่นดินและปูนผสม แต่ว่าไม่มีอันตรายใดๆ “

 

สำหรับซากที่ได้มีการขุดออกไปนั้นตนมองว่าถ้าประเมินตอนนี้ประมาณ 30% แล้วจากโครงสร้างหลักทั้งหมด แต่ว่าหลังจากก้อนนี้หมดแล้วมันยังเหลือที่มันยังเป็นฐานที่ถล่มอยู่ด้านหลังตรงโซนบีและตรงนั้นจะหนาเท่ากับครึ่งหนึ่งของกองนี้ ถ้าเผื่อมีผู้ประสบภัยใต้ตรงนั้นก็ต้องใช้เวลาอีกนาน ซึ่งเราภาวนาอย่าให้เป็นแบบนั้น อีกทั้งทางเชื่อมระหว่างอาคารและลานจอดรถมันเป็นไปได้ด้วยว่าผู้ประสบภัยอาจไปอยู่ที่ใต้นั้น ซึ่งถ้าไปอยู่ใต้นั้นจริง วิธีการอาจจะต้องรื้อหลังสุด ไม่อย่างนั้นจะยิ่งขยายเวลานานเข้าไปใหญ่ ส่วนเรื่องการสแกนสัญญาณชีพไม่มีแล้ว เพราะว่ามันเป็นการเห็นเพียงว่าอยู่ในตัวอาคาร อยู่ใต้ซากจริง แต่ไม่รู้ว่าอยู่ในระดับชั้นใด เพราะเป็นการถ่ายจากมุมสูงลงมาให้เห็น หากมีการนับยอดก็อาจจะมีตัวเลขใกล้เคียงกับจำนวนผู้ที่สูญหายอยู่ในขณะนี้

 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับการค้นหาผู้สูญหาย ณ เวลา 16.00 น. วันที่ 7 เม.ย.68 จำนวนผู้ประสบเหตุ คนงาน 103 ราย ประชาชน 10 ราย ผู้เสียชีวิต 17 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย และผู้สูญหาย 77 ราย