พรานหนุ่มเข้าห้องน้ำหวังปลดทุกข์ แต่ทำปืนลั่นใส่ขาตัดเส้นเลือดใหญ่ดับอนาถ ที่ต.พะโต๊ะ จ.ชุมพร

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 68 ร.ต.อ.ภูวิช ศรีคุ้ม รอง สว.สภ.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงด้วยอาวุธปืน เสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 159/4 ม.1 ต.พะโต๊ะ จ.ชุมพร จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.มนต์ศักดิ์ ศรีสุวรรณ์ ผกก.สภ.พะโต๊ะ ตำรวจชุดสืบสวน แพทย์ รพ.พะโต๊ะ และอาสากู้ชีพกู้ภัย รพ.พะโต๊ะ

โดยในที่เกิดเหตุ เป็นบ้านไม้ปลูกอยู่ริมถนนสายน้ำตกทับพ่อคุณ เป็นถนนลูกรังขนาดเล็กที่ชาวบ้านทำไว้เพื่อใช้สัญจรเข้าไปในสวนทุเรียน สวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน ซึ่งเส้นทางดังกล่าวขนาบด้วยภูเขาสูงชัน และห่างจากถนนสายพะโต๊ะ-หลังสวน เข้ามากว่า 8 กม.และบ้านหลังดังกล่าวอยู่ติดรอยต่อเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว โดยเจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิต เป็นชายสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีส้ม กางเกงขาสั้นสีดำ นอนคว่ำทับเป้สะพายสีดำคาอยู่ตรงประตูห้องน้ำ โดยครึ่งตัวตั้งแต่เอวถึงศีรษะ อยู่ด้านหน้าห้องน้ำ ส่วนเอวลงไปอยู่ภายในห้องน้ำ ทราบชื่อภายหลังคือนายอำนวย อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปิดกั้นพื้นที่ให้บรรดาไทยมุงได้ออกห่างจากบริเวณเกิดเหตุ เพราะเกรงว่าจะทำลายพยานหลักฐาน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จ.ชุมพร พร้อมแพทย์ รพ.พะโต๊ะ ได้เข้าทำการตรวจสอบพิสูจน์ ศพ พบว่า บริเวณโคนขาซ้ายด้านหน้าของนายอำนวย บุญสืบ ผู้ตาย ถูกคมกระสุน เป็นรูพรุนนับ 10 รู แต่ด้วยความคับแคบ เจ้าหน้าที่จึงบันทึกภาพและเก็บพยานหลักฐานไว้ก่อน แล้วได้นำร่างออกจากมาชันสูตร บริเวณหน้าบ้าน เบื้องต้นพบว่าคมกระสุนได้เจาะเข้าร่างนับได้ 9 รู เข้าไปตุงอยู่บริเวณเอวด้านซ้าย ตรวจสอบเป้สะพายพบอุปกรณ์เสพยาบ้า ใบจาก ยาเส้น ในขณะที่ตรวจสอบภายในห้องน้ำพบอาวุธปืนลูกซองแบบไทยประดิษฐ์ ตกอยู่บนพื้น 1 กระบอกภายในลำกล้องพบปลอกกระสุน ขนาดเบอร์ 12 ถูกยิงออกไปแล้วคาอยู่ 1 ปลอก โดยบริเวณด้ามปืนมีเศษปูนติดอยู่ และที่พื้นปูนห้องน้ำ ก็มีร่องรอยกระแทกเป็นรูเล็กน้อยและตรวจสอบตรงกับปูนที่ด้ามปืน เจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกและเก็บพยานหลักฐานโดยรอบ ก่อนให้ทาง อาสากู้ชีพกู้ภัย รพ.พะโต๊ะ นำร่างไปทำการผ่าชันสูตรศพอย่างละเอียดอีกครั้งที่ รพ.พะโต๊ะ

 

 

สอบถามนางสมทรง อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นแม่ของผู้ตาย ทราบว่า ตนเอง ได้แยกครอบครัวกับพ่อผู้ตายมาหลายปีแล้ว แต่ลูกชายก็ยังแวะเวียนมาหาตนเองอยู่ตลอด และตนเองภูมิใจลูกชายคนนี้มา เพราะเป็นคนทำมาหากิน รับจ้างทำสวนทุกอย่าง เงินที่ได้มาก็จะมาช่วยจุนเจือตนเองทุกครั้งหากร้องขอไป และลูกชายนั้นเป็นคนนิสัยไม่ก้าวร้าวไม่สุงสิงกับใคร จึงทำให้ตนเองไม่เชื่อว่าลูกชายจะทำร้ายตัวเอง เพราะมองไม่ออกว่าจะทำร้ายตัวเองเพื่ออะไร

ด้านนายปริญญา อายุ 35 ปี เปิดเผยว่า บ้านที่เกิดเหตุหลังดังกล่าว นั้นเป็นของพี่ชาย ที่ให้ตนเองมาใช้อยู่อาศัยเพื่อดูแลสวน โดยตนเองก็ได้มาอยู่บ้านหลังนี้ เกือบจะ 6 เดือนแล้ว ส่วนผู้ตายนั้น ตนเองไม่ได้สนิทมาก แต่รู้จักกันในฐานะคนบ้านใกล้เรือนเคียง โดยบ้านของผู้ตาย ถึงก่อนบ้านหลังนี้ประมาณ 1 กม.เศษ แต่ด้วยบ้านของตนนั้น พี่ชายได้เดินสายสัญญาณมือถือไว้ ทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ ก็จะมาใช้สัญญาณตรงนี้กันบ่อยหลายๆคน

นายปริญญา กล่าวว่า โดยก่อนหน้าตนเอง พบเจอพูดคุยกับผู้ตายล่าสุดเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา จนกระทั่งมาวันนี้พบกับนายอำนวย ผู้ตาย ช่วงประมาณ 11 โมงเศษ ระหว่างทางขณะที่ตนเองได้ขับรถยนต์กระบะบรรทุกขี้ยาง จะไปส่งขาย และเมื่อตนเองไปขายเสร็จก็ขับรถยนต์กลับมาที่บ้านและกำลังจะเปลี่ยนรถไปใช้ รถ จยย.ซึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นนายอำนวย นอนขวางประตูห้องน้ำอยู่ แต่เมื่อเข้าไปดูก็พบว่านอนตายจมกองเลือดแล้ว จึงได้แจ้งให้ตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.มนต์ศักดิ์ ศรีสุวรรณ์ ผกก.สภ.พะโต๊ะ เปิดเผยจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า จากการตรวจสอบในสถานที่เกิดเหตุพร้อมกับทางตำรวจพิสูจน์หลักฐานและแพทย์ เชื่อว่า ก่อนเกิดเหตุ นายอำนวย ผู้ตาย ได้เข้าไปห้องน้ำเพื่อจะจัดการธุระส่วนตัว แต่ระหว่างนั้นอาวุธปืนที่พกติดตัวอยู่ ได้เกิดหล่นตกลงพื้นห้องน้ำ ด้วยเพราะอาวุธปืนเป็นแบบไทยประดิษฐ์ ไม่มีเซฟล็อกกัน ทำให้เมื่ออาวุธปืนบริเวณด้ามถูกกระแทกพื้นอย่างแรง ทำให้กลไกปืนทำงานและได้เกิดลั่น ประกอบกับปลายกระบอกหันขึ้นทำให้กระสุนพุ่งเสยเข้าโคนขาไปตุงอยู่บริเวณเอว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำความเข้าใจกับทางแม่และญาติของผู้ตายแล้ว ทุกคนไม่ติดใจในการตายในครั้ง

ในขณะด้านนายศักดา คงแง่ง พนักงานพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว กล่าวว่า สำหรับนายอำนวย ผู้ตายนั้น เป็นผู้ต้องสงสัยที่ทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามติดตามจับกุมอยู่เพราะเชื่อว่า เป็นนายพรานหนุ่มคนหนึ่งที่มักลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ในเขตอุทยานฯออกมาขายให้กับชาวบ้านที่มีรสนิยมกินสัตว์ป่าอยู่เป็นประจำ ซึ่งมีชาวบ้านที่หวงแหนสัตว์ป่า ก็ได้แจ้งมาบ่อย แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปก็ไม่พบตัวนายอำนวยสักครั้ง