ใครๆก็ชอบกินน้ำชง หาซื้อง่าย ทั้งร้านรถเข็น ร้านตามห้างยี่ห้อดังๆ เมืองไทยเมืองร้อน ดื่มแล้วเย็นชื่นใจ แต่วันนี้จะบอกว่า อันตรายกว่าที่คิด เพราะคุณหมอบอกว่าแล้วว่า น้ำชงเหล่านี้ มีน้ำตาลสูงมาก โดยเฉพาะแดงโซดา น้ำตาลเยอะสุด เสี่ยงเบาหวาน
ผลการสำรวจปริมาณน้ำตาล ในร้านขายเครื่องดื่ม บนถนนสายเศรษฐกิจในกรุงเทพมหานคร จำนวนร้านค้า 62 ร้านค้า โดยเก็บตัวอย่างเมนูยอดนิยม 1 ใน 5 อันดับ และเครื่องดื่มที่มาจากร้านที่ให้ความร่วมมือในการวิจัย รวม 270 ตัวอย่าง
พบว่า เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลมากที่สุด 5 อันดับแรกคือ
1.แดงโซดา ปริมาณน้ำตาล 15.5 ช้อนชา
2. เครื่องดื่มมอลล์รสช้อคโกแลต 13.3 ช้อนชา
3.ชามะนาว 12.6 ช้อนชา
4.ชาดำเย็น 12.5 ช้อนชา และ
5. นมเย็น 12.3 ช้อนชา
ส่วนชาเย็น กาแฟเย็น ชาเขียวเย็น มีปริมาณน้ำตาลเฉลี่ย 11 ช้อนชา และโกโก้มีปริมาณน้ำตาล 10.8 ช้อนชา
โดยเครื่องดื่มบริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมีปริมาณน้ำตาลมากที่สุด รองลงมาคือวิทยาเขตพญาไท และถนนสีลม ตามลำดับ
ศ.พญ.ชุติมา ศิริกุลชยานนท์ หัวหน้าโครงการเด็กไทยดูดีมีพลานามัย แผนอาหารเพื่อสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำไม่ควรบริโภคน้ำตาลจากอาหารทุกชนิดเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน แต่จากผลการสำรวจพบว่า เพียงบริโภคเครื่องดื่มหวาน 1 แก้ว ปริมาณ250 มล. ก็มีปริมาณน้ำตาลที่เกินความต้องการที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันเกือบเท่าตัวแล้ว นอกจากนี้ แต่กลับพบว่า เครื่องดื่มประเภทใสกลับมีปริมาณน้ำตาลสูงกว่า ซึ่งอาจเนื่องจากชามะนาวที่รสเปรี้ยวของมะนาว ทำให้ต้องใส่มะนาวเพิ่มความหวานมากขึ้น
ทพญ.ปิยะดา ประเสริฐสม ผู้จัดการโครงการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน สสส. กล่าวว่า เครื่องดื่มเหล่านี้มีสารอาหารน้อย มีแต่น้ำตาลและไขมันในปริมาณสูง ซึ่งเป็นรากของเบาหวาน ความดัน การดื่มน้ำหวานจะดูดซึมได้เร็วมากกว่าการกินอาหารหรือขนม เพราะเหมือนเป็นการกระหน่ำน้ำตาลในร่างกายทำให้ตับอ่อนทำงานอย่างหนัก ด้วยการผลิตอินซูลินเข้ามาจัดการเพื่อปรับระดับน้ำตาลในเลือด คนจึงเป็นเบาหวานตั้งแต่อายุยังน้อยมากขึ้น
ข้อมูลจากสหพันธ์เบาหวานนานาชาติ พบว่า ในปี 2558 มีผู้ป่วยเบาหวานอยู่ที่ 415 ล้านคน โดยทุก 6 วินาทีจะผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวาน และ 1 ใน 11 คน ป่วยเป็นเบาหวานโดยไม่รู้ตัว
ขณะที่ประเทศไทย พบว่า ปัจจุบันมีคนไทยที่ป่วยเป็นเบาหวานถึง 4 ล้านคน ที่น่าเป็นห่วงคือพบกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานโดยไม่รู้ตัวอีกถึง 7.7 ล้านคน โดยปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคเบาหวานซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมาจากพฤติกรรมการบริโภคและการใช้ชีวิต