ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติ เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในวาระสาม พร้อมให้ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป และ จัดตั้งคณะกรรมการ จัดนโยบายแผนระดับชาติ

วานนี้ (9ธ.ค.) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเห็นชอบร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ... ในวาระสาม ด้วยคะแนน 161 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง และงดออกเสียง 4 เสียงพร้อมให้ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป

โดย นางเสาวณี สุวรรณชีพ ประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงว่า เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารด้านดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งส่งผลต่อฐานความรู้ และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย

ทั้งนี้ มีการจัดตั้งคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อจัดนโยบายแผนระดับชาติ รวมทั้งออกระเบียบและประกาศ ซึ่งคณะรัฐมนตรีสามารถแต่งตั้งได้ทันทีที่ร่าง พ.ร.บ.มีผลบังคับใช้ รวมทั้งมีการจัดตั้งกองทุนโดยได้รับการจัดสรรทุนจากกสทช.เริ่มแรกในอัตราร้อยละ 15 ของรายได้จากการจัดสรรคลื่นความถี่

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้มีการถกเถียงเกี่ยวกับมาตรา 44 วรรคสาม ที่ระบุว่า ทรัพย์สินของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลไม่อยู่ในความรับผิดชอบแห่งการบังคับคดีเงิน และ ทรัพย์สินของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน เพราะเกรงว่า หากมีทรัพย์สินที่เหลือและไม่ตกเป็นรายได้แผ่นดินจะทำให้ประเทศสูญเสียรายได้โดยเปล่าประโยชน์

กระทั่งประธานได้สั่งพักการประชุมเพื่อให้ปรับแก้ถ้อยคำ และ เมื่อกลับเข้าสู่การประชุมอีกครั้ง คณะกรรมาธิการฯ ยินยอมให้ปรับแก้เป็น 'เงินและทรัพย์สินของสักนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ไม่ต้องส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน ยกเว้น รายได้จากดอกผลและผลประโยชน์หรือรายได้อื่นใดที่เกิดจากการดำเนินการของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล'

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ประชุมสนช. ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรียงตามมาตราจนถึงมาตรา 8 เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณสมบัติของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ที่คณะกรรมาธิการได้แก้ไขไปจากร่างเดิมที่ครม.เสนอมา

แต่สมาชิกส่วนใหญ่ได้อภิปรายคัดค้าน จนที่สุดที่ประชุมได้มีมติไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข ทำให้คณะกรรมาธิการได้ขอถอนร่างกลับไปทบทวนเพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาของร่าง เนื่องจากมติดังกล่าวส่งผลกระทบในหลายมาตรา ก่อนที่นำกลับมาพิจารณาในการประชุมวานนี้ (9ธ.ค.)