กระแสกดดันทางสังคมที่มีต่อพิธีกรและผู้ดำเนินรายการชื่อดังอย่างนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา หลังศาลพิพากษาตัดสินจำคุก 13 ปี คดีทุจริตค่าโฆษณา อสมท. เริ่มมีมากขึ้น ล่าสุดนายกสมาคมเอเจนซี่ออกมายืนยัน เริ่มมีผู้มีผู้สนับสนุนรายการ แจ้งถอนโฆษณาแล้ว

หลังจากที่ศาลอาญามีคำสั่งพิพากษาจำคุก นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นเวลา 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ไปแล้วแต่ทางช่อง 3 ยังอนุญาตให้นายสรยุทธ จัดรายการข่าวได้ตามปกติ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งฝ่ายต่อต้านและสนับสนุนเป็นจำนวนมาก

โดยล่าสุด นางวรรณี รัตนพล นายกสมาคมมีเดียเอเจนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย ออกมาระบุว่าทางสมาคมยืนยันว่าสนับสนุนหลักธรรมาภิบาล จึงได้ประชุมร่วมกัน แล้วมีมติว่าแต่เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อโฆษณา และเป็นสิทธิ์ของช่อง 3 ที่จะถอดผู้ดำเนินรายการหรือไม่ ซึ่งทางสมาคมกำลังอยู่ในช่วงประเมินว่า กระแสสังคมจะกดดันมากน้อยแค่ไหน ลูกค้ามีท่าทีอย่างไร และลูกค้าก็เริ่มไถ่ถามกันบ้างแล้ว โดยตอนนี้บางกลุ่มได้แจ้งถอนโฆษณาแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทอินเตอร์และกลุ่มสินค้าธนาคาร ทั้งๆ ที่โฆษณาที่อยู่ในช่วงของนายสรยุทธนั้นถือว่ามีมูลค่า

นางวรรณี บอกต่ออีกว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ ทางสมาคมจะออกแถลงการณ์ เพื่อยืนยันว่าจะสนับสนุนธรรมาภิบาล ส่วนลูกค้าจะยังคงซื้อโฆษณาหรือไม่นั้น จะไม่มีการก้าวก่าย แต่หากลูกค้าจะแจ้งยกเลิกโฆษณา จะต้องมีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร โดยที่การลงโฆษณากับช่อง 3 จะเป็นแบบเดือนต่อเดือน หากจะถอนโฆษณา ต้องถอนทั้งเดือนตามความต้องการของลูกค้า

ส่วนความเคลื่อนไหวของสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์เรื่องการทบทวนการทำหน้าที่ของพิธีกรข่าว กรณีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา โดยสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย มองว่าการที่ผู้บริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ยังให้นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ปฏิบัติหน้าที่เดิมอยู่ส่งผลกระทบต่อวงการสื่อมวลชนไทยในภาพรวม ซึ่งกำลังอยู่ในภาวะที่ถูกสังคมตั้งคำถามต่อความรับผิดชอบ และจริยธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ จึงเรียกร้องให้ผู้บริหารของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ทบทวนการทำหน้าที่ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ให้ยุติบทบาทอย่างน้อยเป็นการชั่วคราว จนกว่าคดีจะถึงที่สุด เพื่อเป็นแบบอย่างในการสร้างบรรทัดฐานด้านจริยธรรมให้กับวงการสื่อมวลชนไทย 

ขณะที่โซเชียลผุดแฮชแท็กใหม่ พร้อมแห่โพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์กรณีดังกล่าวนี้ จนกลายเป็นแฮชแท็กยอดนิยมอันดับต้นๆของทวิตเตอร์ประเทศไทย โดยแฮชแท็ก ”เรื่องเล่าเช้านี้วงแตก” ติดอันดับแฮชแท็กยอดนิยมในทวิตเตอร์ มีการโพสต์ข้อความวิจารณ์ถึงกรณีผู้ประกาศข่าวชื่อดังถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก ข้อความจำนวนกว่า 8 หมื่นครั้ง ยังครองอันดับต้นๆ ของทวิตเตอร์ประเทศไทย

ทางด้านนางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกสทช.ได้ทวิตข้อความถึงกรณีที่มีคำถามว่า กสทช.มีอำนาจในการตรวจสอบจริยธรรมของสื่อมวลชนหรือไม่ว่า

อำนาจหน้าที่หนึ่งของ กสทช.กคือการกำกับดูแลการประกอบกิจการของช่องรายการให้เป็นไปตามเงื่อนไขใบอนุญาต โดยเฉพาะฟรีทีวี ช่องฟรีทีวีมีเงื่อนไขใบอนุญาต ที่มากกว่าผู้รับอนุญาตทีวีดาวเทียมและเคเบิลตรงเรื่องการต้องมีแนวปฏิบัติทางจริยธรรมของช่องส่งให้ กสทช. ด้วย

ดังนั้นหน้าที่ กสทช. ขั้นพื้นฐานก็สามารถเชิญช่องมาชี้แจงได้ว่า ช่องปฏิบัติตามแนวจริยธรรมที่เคยส่งให้ กสทช.ตามเงื่อนไขใบอนุญาตหรือไม่อย่างไร

กสทช.จึงมีอำนาจหน้าที่ใน พรบ.กสทช.ข้อ18 ในการทำให้สื่อต้องมีมาตรฐานกำกับดูแลเชิงจริยธรรมชัดเจนอยู่แล้ว