กล้องวงจรปิด ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ แฉพฤติกรรมเจ้าหน้าที่รัฐ อำนวยความสะดวกให้กับขบวนการค้านอแรดข้ามชาติ ที่ถูกจับเมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา

กล้องวงจรปิด ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ จับภาพขณะตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยศร้อยตำรวจเอก 2 นาย พร้อมด้วยข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ประจำจังหวัดสระบุรี อำนวยความสะดวกให้กับ นางฐิติรัตน์ อาราอิ เดินทางกลับจากประเทศกัมพูชา และนางสาวกานต์สินี อนุตรานุสาสตร์ เดินทางกลับจากกรุงโฮจิมินท์ ประเทศเวียดนาม ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ช่วงบ่ายวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา 666

และได้นำกระเป๋าล้อลากขนาดใหญ่ ที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลาสติกใส ลงมาจากสายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ ต้นทางจากกรุงแอดดิสอาบาบา สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย ซึ่งเจ้าหน้าที่ศุลกากร พบว่าภายในกระเป๋าดังกล่าว มีน้ำหนักมาก จึงขอทำการเอ็กซ์เรย์กระเป๋า

ซึ่งขณะนั้น หญิงทั้งสอง อาศัยจังหวะหลบหนีออกจากอาคารผู้โดยสารไปอย่างรวดเร็ว ส่วนนายตำรวจ และ ข้าราชการสังกัดกระทรวงยุติธรรม กลับพยามเข้าไปเจรจากับทางเจ้าหน้าที่ศุลกากร เพื่อขอเปิดทางให้กับกระเป๋าดังกล่าว แต่ทางด้านเจ้าหน้าที่ไม่ยินยอม

ขณะเดียวกัน วานนี้ (14 มี.ค.) นายไพศาล ชื่นจิตที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำนอแรด 21 นอ น้ำหนักรวม 49.4 กิโลกรัม มูลค่าไม่ต่ำกว่า 173 ล้านบาท ที่ตรวจพบในกระเป๋าดังกล่าว แถลงข่าวการจับกุมต่อสื่อมวลชน ทั้งไทยและต่างชาติ ระบุว่า ของกลางที่ตรวจยึด มีมูลค่ามหาศาล พร้อมทั้งได้นำภาพกล้องวงจรปิด เข้าแจ้งความดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว

ด้านพลตำรวจตรีธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยถึงกรณีเจ้าหน้าที่ และตำรวจ 2 นาย มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาว่า จากการสอบถาม นายตำรวจทั้งสอง อ้างว่า ในวันเกิดเหตุ ได้รับการประสานให้ไปอำนวยความสะดวก ไม่ทราบว่า ภายในกระเป๋ามีนอแรดซุกซ่อนอยู่ ส่วนตัวจึงมองว่า หากมีการลักลอบจริง น่าจะใช้ช่องทางพิเศษในการเดินทางเข้า-ออก มากกว่าที่จะใช้ช่องทางโดยผ่านกระบวนการขั้นตอนทางศุลกากร

แต่ได้มอบหมายให้รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ส่วนข้าราชการสังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้การว่า เดินทางไปรับเพื่อนที่เดินทางมาจากต่างประเทศเท่านั้น

ดังนั้น เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาสืบสวน เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่หากพบว่า มีการเข้าไปเกี่ยวโยง ก็จะดำเนินการทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้น

ส่วนหญิงสาว 2 คน ที่หลบหนีไป ตำรวจได้ขออำนาจศาล ออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในข้อหานำ หรือพาของที่ยังไม่ได้เสียภาษี ตามพ.ร.บ.ศุลกากรพ.ศ.2482 / พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฯ และพ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์

ทั้งนี้ การจับกุมดังกล่าว ถือเป็นล็อตใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และเชื่อว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าร่วมขบวน ขณะนี้สื่อทั่วโลก กำลังจับตาการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ไทยว่า จะสามารถขยายผลจับผู้ร่วมขบวนการได้มากน้อยแค่ไหน

วงจรปิดแฉ!! จนท.รัฐอำนวยความสะดวกขบวนการค้านอแรดข้ามชาติ