ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เตรียมเดินทางเข้าพบผู้บัญชาการทหารเรือวันนี้ (4 พ.ค.) เพื่อขอข้อมูลการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนไปตรวจสอบถึงความคุ้มค่า และความโปร่งใส ขณะที่คณะกรรมการป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนักการเมืองท้องถิ่น 23 คน จาก 14 จังหวัด เหตุจงใจไม่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แถลงว่า ในรอบเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดนักการเมืองท้องถิ่น ที่จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน หรือ ยื่นบัญชีเท็จ หรือ ปกปิดข้อเท็จจริงจำนวน 23 คน จาก 14 จังหวัด ประกอบด้วย จ.กาญจนบุรี ชลบุรี ปทุมธานี เพชรบูรณ์ สมุทรสาคร เชียงราย ลำพูน นครพนม อุบลราชธานี ชุมพร นราธิวาส พัทลุง สตูล และสุราษฎร์ธานี โดยสำนักงาน ป.ป.ช. ได้รายงานให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทราบ และส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี รวมทั้งขอให้ลงโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ซึ่งผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาล จึงถือว่า เป็นที่สิ้นสุด
สตง.เตรียมเข้าพบผบ.ทร.ขอข้อมูลจัดซื้อเรือดำน้ำจีน
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการจัดหาเรือดำน้ำจากประเทศจีน 1 ลำ วงเงิน 13,500 ล้านบาทขององค์กรอิสระนั้น มีรายงานว่า ในวันนี้ ( 4 พ.ค.) นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)และคณะกรรมการระดับผู้ใหญ่ในสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อีก 5 คน จะเดิน ทางไปเข้าพบพลเรือเอก ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ เพื่อขอรายละเอียดสัญญาการจัดซื้อโครงการเรือดำน้ำ และกระบวนการใช้งบประมาณ ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดทำทีโออาร์ บัญชีการจัดซื้อ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลต่อจากนี้ ซึ่งทาง พลเรืเอก ณะ ได้มอบหมายให้ พลเรือเอกลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ พร้อมคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำทั้งหมดนำเอกสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวชี้แจงกับสตง.