พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เผย เรียกผู้บาดเจ็บมาสอบสวน จนสามารถออกภาพสเกตซ์ผู้ต้องสงสัยวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าได้แล้ว 1 คน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าว่า เรื่องของความเชื่อมั่นเป็นส่วนที่มีความสำคัญมากที่สุด ขณะนี้อยู่ระหว่างกำลังไล่ล่าติดตามคนร้ายอยู่ ซึ่งตนมีข้อมูลพื้นฐานอยู่แล้ว พร้อมขอสาปแช่ง และ ขอประณามคนก่อเหตุ โดยมั่นใจว่า จะจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ เพราะคนเลวนั้นอยู่ได้ไม่นาน และถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องร่วมมือกันกำจัดคนไม่ดีให้ได้
การก่อเหตุลักษณะนี้ ต้องกระทำเป็นกระบวนการ อาจมีการจ้างคนนำระเบิดไปวางไว้ บางครั้งจ้างแค่ 500 บาท ส่วนคนทำอยู่ในประเทศ หรือ นอกประเทศ ตนไม่รู้ ต้องไปหากันมา แต่ตนไม่ทะเลาะกับใครอยู่แล้ว
ด้าน พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีจดหมายขู่วางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าปริศนา มีการอ้างตัวว่าเป็น กลุ่มบีอาร์เอ็น ว่า ต้องตรวจสอบจากข้อมูลหลักฐาน ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการอยู่ ยืนยันว่า ไม่มีใครนิ่งนอนใจ เพราะทางหน่วยข่าวและหน่วยปฏิบัติกำลังดำเนินงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อนำตัวคนทำความผิดมาลงโทษให้ได้
ซึ่งก่อนหน้านี้ทางหน่วยข่าว ก็มีการแจ้งเตือนให้ทุกภาคส่วนระมัดระวังการก่อเหตุร้าย เพียงแต่ไม่คาดคิดว่า คนร้ายจะก่อเหตุในโรงพยาบาล ขณะนี้ได้กำชับให้สถานพยาบาลการแพทย์ระมัดระวังในทุกส่วนแล้ว
สำหรับความคืบหน้าการตรวจสอบ ที่มาของจดหมายที่มีผู้อ้างตัวว่า เป็นกลุ่ม บีอาร์เอ็น ขู่วางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มีรายงานว่า ชุดสืบสวนของ ตำรวจนครบาล ได้นำตัวนายอาแว ยูโซฟ มาสอบสวนและปล่อยตัวไปแล้ว หลังจากมีชื่อของนายอาแว ปรากฏในจดหมายที่ส่งไปแจ้งเตือนว่า จะมีเหตุระเบิดที่สถาบันทางการแพทย์ 3 แห่ง ก่อนจะเกิดเหตุระเบิดที่รพ.พระมงกุฏเกล้า เมื่อวันที่ 22 พ.ค.60 ที่ผ่านมา
โดย นายอาแว ให้การกับชุดสืบสวนว่า ไม่ได้เป็นคนส่งจดหมายดังกล่าว แต่ยอมรับว่า บ้านเลขที่ที่ปรากฏในจดหมายนั้น เป็นบ้านเลขที่ของตนจริง จึงเชื่อว่าน่าจะมีการแอบอ้างชื่อและที่อยู่ไปใช้ในการส่งจดหมาย
ขณะที่ พลโท อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่1 เปิดเผยว่า ขณะนี้มีข้อมูลกลุ่มผู้กระทำผิดแล้ว 3 - 4 กลุ่ม รอเพียงคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี และผู้บังคับบัญชา ถ้าสั่งการเมื่อไหร่ ก็พร้อมจะดำเนินการทันที ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่ใช่ฝีมือต่างชาติ แต่เป็นฝีมือคนไทยที่ทำลายกันเอง และ รู้สึกประหลาดใจมาก ที่มีการพูดกันว่า เรื่องนี้เป็นฝีมือรัฐบาล ส่วนคนที่ก่อเหตุระเบิดถือว่า หน้าตัวเมียมาก
ส่วนเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (24 พ.ค.) พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ภายหลังการประชุม เปิดเผยว่า การสืบสวนสอบสวนจนถึงขณะนี้มีความคืบหน้าที่น่าพอใจ ขณะนี้มีการสอบพยานหลายปากแล้ว รวมทั้งชาย 3 คนที่ปรากฏอยู่ในภาพแจกันที่ซุกซ่อนระเบิดไว้ ซึ่งทั้ง 3 คนบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว จาการสอบสวน เชื่อว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับการวางระเบิด
จากการสอบสวนพยานที่บาดเจ็บ เพื่อทำการสเก็ตช์ภาพบุคคลต้องสงสัย ขณะนี้ได้ภาพออกมาแล้ว 1 ภาพ 1 บุคคล อยู่ระหว่างการนำภาพที่ได้ ไปเปรียบเทียบกับพยานหลักฐานฐานอื่นๆที่ได้จากการสืบสวน หากสอดคล้องตรงกันจะนำไปขอศาลอนุมัติหมายจับต่อไป แต่ยังยืนยันว่าพยานหลักฐานเชื่อมโยงกับกลุ่มที่เคยก่อเหตุในกทม.เมื่อปี 2550 ที่ยังไม่รู้ตัวผู้กระทำผิด
พลตำรวจเอก ศรีวราห์ ยอมรับว่า คดีนี้ไม่ง่าย แต่ไม่ถึงทางตันแน่นอน ส่วนการตรวจสอบจดหมายที่ข่มขู่ว่า จะเกิดระเบิดในสถาบันทางการแพทย์ 3 แห่ง ตรวจสอบแล้วพบว่า ส่งจากในพื้นที่ กทม.ด้วยการหย่อนตู้ไปรษณีย์ในพื้นที่ เขตสามเสน จตุจักร และปทุมวัน ขณะนี้ทางกองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจเก็บดีเอ็นเอจากจดหมายทุกฉบับ เพื่อเชื่อมโยงถึงผู้ต้องสงสัยแล้ว จนขณะนี้ยังไม่ตัดประเด็นใด ยังให้น้ำหนักทั้งเรื่องการเมือง และ ภาคใต้
ขณะที่ วานนี้ (24 พ.ค.) เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี เข้าตรวจสอบกระเป๋าเป้สีดำ-น้ำตาล ต้องสงสัย หลังถูกนำมาวางทิ้งไว้ ที่โซนเวชระเบียนและสถิติ หน้าห้องตรวจสอบประวัติผู้ป่วย บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดยไม่มีเจ้าของ จากการตรวจสอบ พบว่า ภายในเป็นเสื้อผ้า และ สิ่งของเครื่องใช้บางส่วน จึงนำกระเป๋าเป้ดังกล่าว กลับไปตรวจสอบอีกครั้ง
พันเอกนายแพทย์ สุรศักดิ์ ถนัดศีลธรรม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า บอกว่า วัตถุต้องสงสัย เป็นเพียงกระเป๋าของผู้มาเข้ารับการรักษาวางทิ้งไว้ และได้ประสานไปยังเจ้าของให้มารับคืนแล้ว จากนี้ต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสัมภาระผู้ที่เข้าออกโรงพยาบาลให้มากขึ้น
ส่วนกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล 8-12 ตัว ที่ก่อนหน้านี้่ใช้งานไม่ได้ ขณะนี้ได้ซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดนั้น ยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 4 คน โดย 1 ในนั้น คือ หญิงวัย 92 ปี ที่ยังรักษาตัวที่ห้องไอซียู
ขณะที่การดูแลความปลอดภัยภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เป็นไปอย่างเข้มงวด และมีการตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระของผู้ที่จะผ่านเข้าออกโรงพยาบาลทุกคน
ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล ทหารจากกองพันจู่โจม กรมรบพิเศษที่ 3 ในสังกัด หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) จ.ลพบุรี ประมาณ 20 นายได้เข้ามา
สับเปลี่ยนกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัยในทำเนียบรัฐบาล และ สอดส่องดูแลความเคลื่อนไหวในพื้นที่โดยรอบ และ ภายในตลาดคลองผดุงกรุงเกษม รวมถึงเฝ้าระวังเหตุในยามวิกาล