ตำรวจเร่งสอบหาผู้ต้องสงสัยวางไปป์บอม ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินศูนย์วัฒนธรรม คาดถูกนำมาวางทิ้งไว้ช่วงวันที่ 20-30 พฤษภาคม
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีคนนำระเบิดชนิดไปป์บอม มาทิ้งไว้บริเวณป่าที่รกร้าง ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินศูนย์วัฒนธรรม ริมถนนรัชดาภิเษก เมื่อช่วงเย็นวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ระเบิดลูกดังกล่าว ทิ้งมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งนำมาทิ้งใหม่
แต่ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ ตรวจสอบรายละเอียดก่อนว่า มีคนนำมาทิ้งตั้งแต่เมื่อใด และสาเหตุเอามาทิ้ง จะมีจุดประสงค์อะไร โดยยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ได้ดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว ดังนั้น ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง หรือกังวลอะไร
ด้านพันตำรวจเอกอาคม จันทนลาช รักษาราชการแทนผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ประชุมกับตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อให้ลงพื้นที่ตรวจสอบ การเข้า-ออกสถานที่พบไปป์บอมบ์ ย้อนหลัง เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม ถึงวันที่ 30 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่มีคนไปพบ
หลังสอบปากคำผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้พบไปป์บอมทราบว่า วันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นครั้งสุดท้ายที่เข้าไปจับปลาในบึง อยู่ในป่ารกร้างดังกล่าว จากนั้น วันที่ 30 พฤษภาคม ได้เข้าไปในป่าอีกครั้ง จนพบถุงดำและเห็นไปป์บอมบ์อยู่ภายใน ทำให้ตำรวจสันนิษฐานได้ว่า ระเบิดดังกล่าว น่าจะถูกนำมาทิ้งไว้ในช่วงระหว่างวันที่ 20 พฤษภาคมถึง 30 พฤษภาคม
จึงได้นัดผู้ประกอบการ / อาสาสมัคร / วินรถจักรยานยนต์รับจ้าง และ รปภ.ตามสถานประกอบการต่างๆ มาประชุม เพื่อขอให้ช่วยสอดส่อง และให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้นำระเบิดมาทิ้ง แต่ขณะนี้ ยังไม่สามารถระบุได้ว่า ผู้ต้องสงสัยมีใครบ้าง ขอเวลาให้ตำรวจทำงานก่อน
พลตำรวจโทณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคง ได้มีมาตรการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะสนามบิน พร้อมกำชับให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ เฝ้าระวัง และตรวจสอบเกี่ยวกับบุคคลมีหมายจับค้างเก่า ตลอดจนประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของบุคคลที่จะเข้ามาก่อเหตุ
ขณะที่พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กทม.กำลังหารือร่วมกับฝ่ายความมั่นคง เพื่อหาแนวทางการปรับปรุงกล้องซีซีทีวี ที่เป็นระบบสแตนด์ อะโลน (stand alone) ที่ไม่ได้เชื่อมต่อสัญญาณใดๆ ให้สามารถเชื่อมสัญญาณผ่านสายไฟเบอร์ออปติก ไปยังสำนักงานเขต สถานีตำรวจนครบาลทั้ง 88 แห่งต่อไป
และขอยืนยันว่า วงจรปิดของ กทม.ได้ปรับเปลี่ยนเป็นกล้องวงจรปิด ที่มีความคมชัด 5 ล้านพิกเซลทุกตัว โดยเฉพาะในเขตพระราชฐาน และถนนราชดำเนินตลอดทั้งสาย
ส่วนพลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ เปิดเผยว่า ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา มีเหตุระเบิดสร้างสถานการณ์หลายแห่ง จึงสั่งการให้อีโอดี สำรวจเครื่องมืออุปกรณ์
โดยจะเสนองบประมาณจัดซื้อ "วอล์คทรู" คือเครื่องสแกนวัตถุระเบิดเพิ่มเติม 200 เครื่อง เพราะ ปัจจุบันไม่เพียงพอใช้ปฏิบัติภารกิจ และจัดซื้อรถยนต์ป้องกันระเบิด 1 คัน ซึ่งรถยนต์ดังกล่าว มีศักยภาพในการเก็บวัตถุต้องสงสัยได้น้ำหนักถึง 8 กิโลกรัม หรือสามารถทำลายล้างระเบิดในรถได้ทันที มีมูลค่าคันละกว่า 40 ล้านบาท