กรมศุลกากรเตรียมรื้อระบบการประเมินราคากลางการนำเข้ารถยนต์หรู หลังพบปัญหา ผู้นำเข้าสำแดงราคาเท็จ พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน
นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยกรณี เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตรวจยึดรถหรู ซึ่งบางส่วนพบว่าเป็นรถที่โจรกรรมมาจากประเทศอังกฤษ จนมีการวิพากจารณ์ว่า มีเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเข้าไปรู้เห็นหรือไม่
นายกุลิศ ระบุว่า การนำเข้ารถหรูที่มีปัญหา แบ่งเป็น 3 กรณี กรณีที่ 1 เกิดขึ้นในปี 2555-2556 เหตุไฟไหม้รถหรูที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบการสำแดงราคารถ และการจดประกอบรถนำเข้าทั้งหมด
กรณีที่ 2 ช่วงปี 2559 เจ้าหน้าที่ สำงานตรวจเงินแผ่นตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและพบว่ามีเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร 9 คน เข้าไปเกี่ยวข้องกับการคืนอากรให้บริษัทนำเข้ารถหรู โดยมิชอบ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเพิ่งถึงกรมศุลกากร และ ขณะนี้ได้มีคำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
และ ล่าสุดกรณีที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ อายัดรถหรูจำนวนมาก บางส่วนเป็นรถโจรกรรมจากประเทศอังกฤษ กว่า 40 คัน
นอกจากนี้ นายอินทรศักดิ์ เตชธีรสิริ หรือ บอย ยูนิตี้ กรรมการบริษัท เอสทีทีออโต้คาร์ ที่ถูกดีเอสไออายัดรถหรู จำนวน 34 คัน มีทั้งรถที่ถูกโจรกรรมจากประเทศอังกฤษ และ รถหรูที่พบว่าสำแดงราคาเท็จ กล่าวอ้างเสียภาษีถูกต้องตามขั้นตอน และ การตรวจสอบราคากลางเป็นหน้าที่ของศุลกากร รับผิดชอบโดยตรง
นายกุลิศ กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมศุลกากร ไม่มีอำนาจหรือกฎหมาย ในการขอข้อมูลราคาขายจากบริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศ มีเพียงฐานข้อมูลจากการตรวจสอบราคาในท้องตลาดเท่าที่ตรวจสอบได้เท่านั้น ทำให้การตรวจสอบและประเมินราคากลาง ของรถที่นำเข้ามามีข้อบกพร่อง โดยหลังจากนี้ เตรียมรื้อระบบการประเมินราคากลาง ในการตรวจนำเข้ารถยนต์หรูผ่านด่านศุลกากรใหม่ทั้งหมด
โดยจะประสานกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ที่มีสนธิสัญญาข้อตกลงร่วมกันทางคดีอาญาของกระทรวงยุติธรรม เพื่อประสานขอข้อมูลราคารถที่แท้จริง จากต่างประเทศ และ เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ ที่มีประวัตินำเข้าเลี่ยงภาษีก่อนหน้านี้
และหลังจากนี้จะดำเนินการ ตรวจสอบผู้ประกอบการแต่ละบริษัทอย่างเข้มงวด โดยจะคัดแยกผู้ประกอบการกลุ่มที่ดีและกลุ่มที่มีความเสี่ยง พร้อมตรียมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ว่ามีใครเข้าไปมีส่วนร่วมในการสำแดงราคาเท็จกับผู้นำเข้าด้วยหรือไม่
ส่วนกรณี นาย "บอย ยูนิตี้" กรรมการบริษัท เอสทีที ออโตคาร์ ได้ ร้องขอความเป็นธรรมกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ อายัดรถหรู จำนวน 34 คัน เป็นรถที่ถูกโจรกรรม และบางส่วน เป็นรถที่สำแดงราคานำเข้าเป็นเท็จ ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายหลายร้อยล้านบาท และเรียกร้องให้ ดีเอสไอ เปิดเผยข้อมูลให้ชัดเจน
พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดี กล่าวว่า การเข้าตรวจยึดรถหรู ทำไปตามข้อมูลหลักฐานที่ได้รับมา ว่า เป็นรถที่ถูกโจรกรรม และ ยังทำให้พบรถที่สำแดงราคานำเข้าเท็จด้วย จึงต้องดำเนินการทั้ง 2 ส่วน และขณะนี้ได้ให้กรมศุลกากร ตรวจสอบราคาที่แท้จริงเพื่อประเมินภาษี นำไปใช้ประกอบการดำเนินคดี หากผู้ครอบครอง หรือโชว์รูมรถหรู ยืนยันว่ารถของตนถูกต้องก็นำหลักฐานมาหักล้างกัน
ทั้งนี้ หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลรถบางส่วนออกไป ก็มีผู้ที่ครอบครองรถหรูที่มีหมายเลขเครื่องและหมายเลขตัวถัง ตรงกับรถที่ถูกโจรกรรม มาขอให้ ดีเอสไอ ถอนอายัด โดยอ้างว่าซื้อมาอย่างถูกต้อง กรณีนี้ต้องถือว่าเป็นรถที่มีการนำเข้ามาจำหน่ายอย่างผิดกฎหมายตั้งแต่แรก ยืนยัน ว่าต้องอายัดไว้และส่งคืนกลับประเทศอังกฤษ
และ ในสัปดาห์หน้าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จะประสานกรมศุลกากร เข้าตรวจสอบรถยนต์ ที่จอดในเขตฟรีโซน ภายในท่าเรือแหลมฉบัง ว่ามีรถยนต์เลี่ยงภาษีจอดในโกดังผู้นำเข้ารายใดบ้างด้วย