"นายสมชัย ศรีสุทธิยากร"ยอมรับผลที่ประชุมสนช.เห็นชอบเซ็ตซีโร่กกต. เตรียมนัดประชุมฝ่ายกฎหมายวันที่ 14 มิ.ย.นี้ เพื่อหารือว่า ขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญหรือไม่ ด้าน"นายศุภชัย สมเจริญ"เตรียมศึกษาเนื้อหากฎหมายกกต.ว่า ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยก่อนจะรู้ผลว่า ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) มีมติเห็นชอบให้เซ็ตซีโร่กกต.ว่า ทางกกต.ไม่รู้สึกกังวลกับเรื่องเซ็ตซีโร่ เพราะถือว่า เป็นผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ว่าผลการพิจารณาจะออกมาเป็นอย่างไร ก็จะปฏิบัติในระหว่างดำรงตำแหน่งอย่างดีที่สุด ซึ่งกกต.ยังไม่มีการหารือถึงแนวทาง ภายหลังจากสนช.มีมติ แต่เมื่อร่างกฎหมายผ่านวาระ 3 แล้ว ก็จะดูเนื้อหาและเจตนารมณ์ ว่า เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากพบว่าไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญจะปรึกษาทีมกฎหมายว่าสมควรส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่
นายศุภชัย ยังกล่าวถึงการพิจารณาคำร้อง 9 รัฐมนตรีที่ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากถือครองหุ้น โดยยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการเอาคืน จากกรณีที่เสนอให้มีการเซตซีโร่ แต่เป็นการทำหน้าที่เนื่องจาก นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ ซึ่งกกต.มีอำนาจตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนว่า มีมูลเพียงพอส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ และแม้ กกต.จะถูกเซตซีโร่ มีสถานะเป็นกกต.รักษาการ ก็สามารถดำเนินการในเรื่องดังกล่าวได้
"สมชัย"ยอมรับผลเซ็ตซีโร่กกต.-จ่อถกฝ่ายกฎหมาย14มิ.ย.นี้
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารกลาง เปิดเผยภายหลังจากสนช.ลงมติเซ็ตซีโร่ กกต.ว่า กกต. เคารพในหลักการตัดสินใจเพื่อบ้านเมืองของ สนช. แต่ขอสงวนสิทธิ์พิจารณาเนื้อหาของกฎหมายดังกล่าว 2 - 3 วันว่า ยังมีส่วนใดขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ กกต.มีนัดประชุมที่ปรึกษากฎหมายในเวลา 10.00 น. และประชุม กรรมการ กกต.ในเวลา 13.30 น. ซึ่งในการประชุมดังกล่าวน่าจะมีมติได้ว่า จะส่งประเด็นกฎหมายที่ขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญให้กับสนช. หรือไม่ โดยยืนยันว่า การใช้สิทธิ์เพื่อตัดสินใจดังกล่าวจะอยู่บนผลประโยชน์ส่วนรวม และบรรทัดฐานความถูกต้องในการปกครองบ้านเมืองภายใต้หลักนิติรัฐ นิติธรรม
"วัส"ชี้ไม่มีเหตุผลเซ็ตซีโร่กสม.
ขณะที่นายวัส ติงสมิตร ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงการพิจารณากฎหมายกสม.ว่า ในส่วนของ กสม.ได้ส่งรับร่างกฎหมายลูกจากกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และต้องส่งความเห็นกลับไปภายในสัปดาห์หน้า โดยเฉพาะประเด็นการเซ็ตซีโร่กรรมการสิทธิฯ ซึ่งการเซ็ตซีโร่นั้น ถือว่าทำได้ ถ้ามีเหตุผลเพียงพอ แต่การจะอ้างเรื่องการทำงานในลักษณะปลาสองน้ำ เช่นเดียวกับกรณีของ กกต.นั้น เห็นว่าไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่ถูกต้อง เพราะองค์กรอิสระอื่นก็มีลักษณะปลาสองน้ำเช่นเดียวกัน เพราะปลา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับน้ำ แต่ปลาขึ้นอยู่กับความอร่อยมากกว่า เช่นเดียวกับองค์กรอิสระ แม้จะเป็นปลาสองน้ำ แต่ถ้าทำงานดี มีศักยภาพ และมีผลงาน ก็ควรให้ทำหน้าที่ต่อไป ส่วนตัวเห็นว่า ควรให้พ้นจากตำแหน่งเป็นรายบุคคลเฉพาะผู้ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เท่านั้น จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะ กสม.บางคน อาสามาทำหน้าที่ ยอมทิ้งงานเดิมเพื่อมารับใช้ประเทศชาติ แต่หากท้ายที่สุดแล้วสนช. มีมติเซ็ตซีโร่ ก็จะต่อสู้ตามขั้นตอน