ตำรวจเดินหน้าตรวจสอบบัญชีวัดวังตะวันตก ล่าสุดพบเพิ่มเติมรวม 32 บัญชี แต่มีเงินไม่ถึง 2 ล้านบาท ด้านญาติเตรียมประกอบพิธีฌาปนกิจสามเณรปลื้ม วันนี้ (11 มิ.ย.)
พระครูสุนทร จิตตรัตน์ เจ้าอาวาสวัดวังไทร ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช รับเป็นเจ้าภาพ จัดการพิธีบำเพ็ญกุศลศพ ให้กับสามเณรปลื้ม ตลอด 4 คืน โดยคืนที่ผ่านมา เป็นคืนสุดท้าย และจะมีพิธีฌาปนกิจสามเณรปลื้มในวันนี้ (11มิ.ย.) บนเมรุลอย เนื่องจากเชื่อว่า สามเณรปลื้ม มีความบริสุทธิ์ จึงต้องการแสดงความเคารพเป็นครั้งสุดท้าย
ด้านญาติเณรปลื้ม ยืนยันว่า สามเณรปลื้ม เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ เมื่อ 2 ปีก่อน ครั้งที่เข้าไปบวชเป็นสามเณรได้พาไปฝากตัวกับพระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าอาวาส ที่ถูกนำกลุ่มผู้ต้องหา ขังตัวไว้นาน 2 ปี จนเณรปลื้มได้รับความไว้วางใจจากพระเทพสิริโสภณ ให้อยู่รวมในกุฏิ และได้ติดตามรับใช้อย่างใกล้ชิด จนทำให้กลุ่มผู้ต้องหาไม่พอใจ เพราะเณรปลื้ม อาจไปรู้ความลับของกลุ่มผู้ต้องหา จึงเป็นสาเหตุทำให้ถูกฆาตกรรมอย่างเหี้ยมโหด
ขณะที่พลตำรวจตรีวันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า แม้ในทางคดี จะสามารถจับกุมผู้ร่วมกันฆ่าฝังศพเณรปลื้ม คือ นางสาวปิยฉัตร อรุณสกุล หรือบิว และสามี นายเด่นชัย ภูมินิยม ที่มีอำนาจในวัด และผู้ก่อเหตุอีก 2 คน ซึ่งเป็นสามเณร แต่ตำรวจต้องติดตามตรวจสอบเงิน และบัญชีของวัด
เพราะก่อนนางสาวปิยฉัตร จะเข้ามามีอำนาจเหนือเจ้าอาวาส วัดมีเงินสะสมอยู่กว่า 40 ล้านบาท ล่าสุด ตำรวจได้ค้นพบหลักฐานเพิ่มเติม เป็นใบเสร็จสั่งซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ ทั้งใบชาที่ใช้ปิดกลิ่น น้ำมันก๊าด ปูนซิเมนต์ และอื่นๆ
นอกจากนี้ ยังพบบัญชีเพิ่มเติมอีก 6 บัญชี จากเดิมมี 26 บัญชี รวมเป็น 32 บัญชี แต่พบว่า มีเงินไม่ถึง 2 ล้านบาท ส่วนตู้เชฟของผู้ต้องหา ขณะนี้ ยังไม่สามารถเปิดได้ เนื่องจากนางสาวปิยฉัตร อ้างว่า จำรหัสเซฟไม่ได้ ตำรวจจึงได้ประสานกับบริษัทผู้ผลิต เพื่อให้ส่งช่างผู้เชี่ยวชาญมาเปิดในเร็วๆนี้
ขณะเดียวกัน พลตำรวจตรีวันไชย ระบุเพิ่มเติมว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีในกรณียักยอกทรัพย์ จากอดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก เนื่องจากตำรวจสามารถดำเนินคดีในส่วนนี้ได้ ต่อเมื่อพระครูพรหมเขตคณารักษ์ เจ้าอาวาสรูปใหม่ จะเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่ง เจ้าอาวาสคนใหม่ ระบุว่า ขอรวบรวมเอกสารหลักฐานทางบัญชีต่างๆให้เรียบร้อยก่อน
หลังจากนั้น ตำรวจจะต้องดำเนินคดีทุกฐานความผิด ที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา โดยขณะนี้ ทำได้เพียงสืบสอบสวนเส้นทางการเงิน การผ่องถ่ายบัญชีออกจากวัด ส่วนบัญชีของผู้ต้องหา มีวงเงินคงเหลือประมาณ 4 แสนบาทเท่านั้น