ชุดพญาเสือเตรียมเสนอ "ดีเอสไอ" สอบรีสอร์ทชื่อดังรุกอุทยานไทรโยค เนื่องจากพบออกเอกสารสิทธิ์ทับซ้อน และบางหน่วยงานยังไม่ให้ความร่วมมือ
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรหัวหน้าชุดพญาเสือกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ประชุมคณะทำงาน เพื่อติดตามความคืบหน้า ปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค หลังเข้าตรวจสอบการยึดถือครอบครองที่ดินของโรงแรมริเวอร์แคววิลเลจ หมู่ 4 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่13 มิ.ย ที่ผ่านมา โดยมี นายประกาศิต ลำมาลา ผู้จัดการเป็นตัวแทนบริษัทเข้าร่วมรับฟังด้วย
นายชัยวัฒน์ กล่าวสรุปว่า เจ้าของที่ดินดังกล่าว ครอบครองพื้นที่ประมาณ 400 ไร่ ได้แสดงเอกสารครอบครองจำนวน 10 ฉบับ อยู่ในเขตุทยานแห่งชาติไทรโยค 130 ไร่ และ มีเอกสารจำนวน 7 ฉบับ ประกอบด้วย น.ส.3ก จำนวน 2 ฉบับ และ น.ส.3 จำนวน 5 ฉบับ
แต่เอกสารน.ส.3 เมื่อนำมาปูลงสภาพพื้นที่ภูมิประเทศแล้ว ไม่สามารถลงในรูปแผนที่ได้ เนื่องจากทิศและแปลงข้างเคียงไม่ตรงกัน และต้องระบุว่าใช้ทำกินอะไร แต่พบว่า สภาพยังเป็นป่าไม้สมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยการทำกินมาก่อน ขณะที่บริเวณริมแม่น้ำแควน้อย พบอยู่ในพื้นที่อุุทยานแห่งชาติไทรโยค ไม่มีเอกสารสิทธิ์ จำนวน 1 รายการ เจ้าหน้าที่จึงทำการยึดไว้ก่อนแจ้งข้อกล่าวหา ฐานกระทำผิดบุกรุกครอบครองอุทยานโดยผิดกฎหมาย
นายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ ทั้ง นส.3 และ น.ส.3ก. พบว่า ออกทับซ้อนพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค จึงจะพิจารณาส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI รับไปดำเนินการ เนื่องจากการปฏิบัติงานที่ผ่านมา พบว่า บางหน่วยงานไม่ให้ความร่วมมือส่งเอกสาร และ ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาร่วมตรวจสอบ
ดังนั้น จึงต้องส่งเรื่องดังกล่าวให้ดีเอสไอ เข้ามาดำเนินการ ซึ่งจะสามารถเรียกเอกสารที่ดิน และ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลที่จำเป็นได้ ซึ่งเอกสารที่ดินดังกล่าวคณะเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะได้มาโดยมิชอบ
ด้าน นายสุชาติ เจียรจิตเลิศ กรรมการบริษัทหมู่บ้านแม่น้ำแควจำกัด เปิดเผยว่า ในส่วนของผู้ประกอบการโรงแรมริเวอร์แคววิลเลจ มีความตั้งใจที่จะประกอบธุรกิจโรงแรมไม่ได้ตั้งใจบุกรุกทำลายป่า ในส่วนของเอกสารการถือครองสิทธ์ที่เจ้าหน้าที่กล่าวหาว่าได้มาโดยไม่ถูกต้องนั้น
ยืนยันว่าตนเองซื้อที่ดินมาตั้งแต่ 2517 ก่อนอุทยานประกาศปี 2523 เอกสารทุกอย่างเป็นเอกสารราชการที่ ทำการโดยสุจริต สิ่งที่ทำให้ตนเสียความรู้สึก คือ การกล่าวว่าเรารุกพื้นที่อุทยาน จึงขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย