ปปป.ทำหนังสือถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แจ้งพบ 4 ผู้ต้องหาเอี่ยวทุจริตเงินอุดหนุนวัด เผย เป็นอดีตข้าราชการ พศ. 2 คน และเป็นข้าราชการระดับ ซี8-ซี9 อีก 2 คน เตรียมเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 16 มิ.ย.นี้
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายรับ-รายจ่ายวัดต่างๆ หลังพบข้อมูลว่า 12 วัด เข้าข่ายทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัด ว่า ได้ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ไปตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม กรณีวัดที่มีการเบิกจ่ายเงินผิดปกติ 12 แห่ง ขณะนี้ต้องรอข้อมูลจากกองบังคับการปราบปรามการ กระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) มาใช้พิจารณาว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
การทำงานของ พศ.เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงต้องดูแลให้ดี รวมถึงต้องทำอย่างรอบคอบและรัดกุม เพราะจะมีผลกระทบค่อนข้างมาก ที่ผ่านมา ตนเคยบอกแล้วว่า มีเพียงพระบางรูป คนใน พศ.เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีพฤติกรรมไม่โปร่งใส จึงไม่อยากให้ข่าวนี้ กระทบต่อทั้งวงการวงฆ์
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า อดีต ผอ.พศ.ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตได้หลบหนีไปต่างประเทศแล้วนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว แต่ไม่ว่าจะหลบหนีไปอยู่ที่ไหนในโลกนี้ ก็สามารถประสานเพื่อขอตัวมาได้ ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ต้องตรวจสอบให้ละเอียดว่ามีความผิดมากน้อยแค่ไหน
ด้าน พันตำรวจโท พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า ทางพศ. ได้รับหนังสือจาก ปปป.แล้ว โดย ปปป.ระบุว่า ได้แจ้งผู้ต้องหามาทั้งหมด 4 คน ในจำนวนนี้เกษียณอายุราชการไปแล้ว 1 คน คือ อดีต ผอ.พศ. ส่วนอีก 1 คนออกจากราชการไปแล้ว ที่เหลืออีก 2 คนยังอยู่ในระบบราชการ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งบริหารระดับสูง แบ่งเป็นระดับซี 9 จำนวน 1 คน และระดับซี 8 จำนวน 1 คน โดยได้แจ้งให้บุคคลทั้ง 4 คน ไปรับทราบข้อกล่าวหากับทางปปป. ภายในวันที่ 16 มิ.ย.นี้
การดำเนินการ สำหรับบุคลที่พ้นจากระบบราชการไปแล้วจะเป็นกระบวนการทางกฎหมายอาญา ส่วนผู้ที่อยู่ในระบบราชการ ทาง พศ.จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ควบคู่กับการพิจารณาคดีของทางปปป. โดยพศ.ได้ร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว เหลือเพียงลงนามในคำสั่งเท่านั้น
สำหรับการปรับปรุงการจัดระบบบัญชีทรัพย์สินของวัด เบื้องต้นอาจจะมี 3 มาตรการ คือ การจัดทำบัญชีที่มีประสิทธิภาพ มีระบบควบคุมตรวจสอบรายงาน และต้องมีการเปิดเผยบัญชี โดยอาจจะต้องออกเป็นกฎหมายต่อไป
ขณะที่ พลตำรวจตรีกมล เหรียญราชา ผู้บังคับการ ปปป. กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตครั้งนี้ ประกอบด้วย อดีต ผอ.พศ. ข้าราชการของ พศ. และ อดีตเจ้าอาวาส รวมแล้ว 8 คน หลังจากนี้ ปปป. เตรียมส่งหลักฐาน ข้อมูลทั้งหมดให้กับทาง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ปช. พิจารณาเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐต่อไป โดยเชื่อว่ายังมีคนในร่วมขบวนการอีกหลายคน
สำหรับ 12 วัดแรก ที่ตรวจสอบไปแล้วนั้น พบว่าสร้างความเสียหายแก้เงินของรัฐฯ จำนวนกว่า 60 ล้านบาท ซึ่งแนวทางการดำเนินคดีท้ายที่สุด คือ อายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาเพื่อติดตามทวงเงินคืนแผ่นดิน
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบยังวัดพระศรีเจริญ ต.หัวตะพาน อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ ซึ่งเป็นหนึ่งในวัดที่ตรวจพบข้อมูลการทุจริต พบว่า เจ้าอาวาสวัดไม่อยู่ เพราะป่วยหนักรักษาตัวที่โรงพยาบาล
สอบถาม พระอาจารย์ อาทิตย์ อริญชโย รองเจ้าอาวาสวัดศรีเจริญ เปิดเผยว่า เงินที่ พศ.ส่งมาให้จะส่งมาเป็นงวดๆ และ ให้โอนคืน เมื่อได้รับเงินจำนวนนี้แล้ว เช่น หากโอนมาให้วัด 5 ล้าน ก็จะให้วัดโอนกลับ 3 ล้านบาท แต่หากโอนมา 3 แสน ก็ให้โอนกลับ 1 แสนบาท ส่วนใหญ่เงินที่ได้รับมา จะนำไปบูรณะกุฎิที่ชำรุด
โดยไม่ได้สนใจว่า จะนำเงินไปทำอะไร เพียงแต่ขอให้ทอนเงินกลับให้ถูกต้องตามที่ต้องการเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่า มีผู้หลักผู้ใหญ่อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้
ด้าน นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า หลังจากมีข่าวทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฎิสังขรณ์วัดในสังกัด พศ.12 แห่ง ซึ่งในพื้นที่ จ.ลำปางมี 5 วัด ที่เข้าข่ายทุจริตนั้น ทาง ผอ.พศ.ได้สั่งการให้เตรียมพร้อมเอกสารต่างๆ รวมถึงเอกสารรายงานเงินอุดหนุนตามระบบและการใช้จ่ายตามระบบไว้ หากทาง ปปป.ร้องขอเข้ามาตรวจสอบ
ซึ่งทางพศ.จ.ลำปาง ขอชี้แจงว่า เงินอุดหนุนตามระบบ มีความโปร่งใส ทุกประการ และสามารถตรวจสอบได้ว่า รับมาเท่าไร และจัดสรรให้แต่ละวัดเท่าไร แต่กรณีวัด 5 แห่ง ที่เป็นข่าวทุจริตนั้น ได้รับเงินอุดหนุนที่มาจากส่วนกลางโดยตรงในอดีต และ ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ลำปาง
จึงขอให้ประชาชนเกิดความเข้าใจและอย่าตำหนิแบบเหมารวม เพราะการทุจริตดังกล่าวนั้น มาจากการกระทำผิดของกลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวน ปปป.เตรียมจะลงตรวจสอบวัดในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างประมาณ 3 วัด และในพื้นที่ภาคใต้อีกประมาณ 10 วัดด้วย