ทุจริตเงินทอนวัด 4 ข้าราชการ พศ. ส่อชะตาขาด รมต. สำนักนายกฯ ส่งสัญญาณต้อง "พักงาน-ตั้งกก.สอบวินัย" ขออย่าตีเหมารวมประชาชนเสื่อมศรัทธาวัดแล้ว ชี้สังคมย่อมมีคนไม่ดีแอบแฝง พร้อมเชื่อกฎของบฯปฏิสังขรณ์รัดกุมดีแล้ว
พลตำรวจตรี กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เปิดเผยหลัง ประชุมชุดสืบสวนสอบสวน ทุจริตเงินทอนวัดทั้ง 12 คดีว่า เมื่อวานนี้ ( 16 มิ.ย.) ได้สรุปส่งสำนวน 7 คดี ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ป.ป.ช. ส่วนอีก 5 สำนวน จะดำเนินการส่งให้เสร็จ ภายในวันที่ 19 มิ.ย.
พร้อมกันนี้ได้แจ้งข้อหากับผู้กระทำความผิดที่ยุ่งเกี่ยวกับเงินทอนวัดทั้งหมด 8 คน ในฐานความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 และ 157 ส่วนคนที่ร่วมกระบวนการ และอยู่ระหว่างการติดตามตัวคือ นายนพรัตน์ เบญวัฒนานันท์ อดีตผอ.สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ส่วนการดำเนินการเรื่องฟอกเงิน ได้รวบรวมเอกสาร ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการฟอกเงิน ป.ป.ง. บางส่วนและ ยังระหว่างการติดตามและตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย
ด้านพันตำรวจโท พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี ที่ ปปป. บุกค้นบ้าน นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์
อดีต ผอ.พศ. ที่คาดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัด กว่า 60 ล้านบาท ว่า ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว
ส่วนที่ทาง ปปป. ได้แจ้งผู้ต้องหามาทั้งหมด 4 คน และให้บุคคลทั้ง 4 ไปรับทราบข้อกล่าวหากับทาง ปปป. ภายในเมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.) พบว่า มีผู้บริหารระดับ 8 เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนผู้บริหารระดับ 9 ยังไม่ได้เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งก็เป็นสิทธิของผู้ที่ถูกกล่าวหา พร้อมกันนี้ พศ. ได้ส่งเอกสารการโอนเงินรายปีของวัดที่เกี่ยวข้อง ให้ ปปป. เช่น สลิปการโอนเงิน ตารางการโอนเงิน ไปตรวจสอบแล้ว
ช่วงเย็นวันเดียวกัน พันตำรวจโท พงศ์พร ได้ลงนามในคำสั่งย้ายข้าราชการ จำนวน 4 ราย
เพื่อตรวจสอบหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะเงินอุดหนุนของ พศ. เกี่ยวกับการศึกษาคณะสงฆ์ในกองพุทธศาสนศึกษา และ การเผยแผ่พระพุทธศาสนา เนื่องจากทั้ง 2 ส่วน ได้รับงบประมาณจากสำนักงบประมาณค่อนข้างมาก
และการโยกย้ายดังกล่าว ก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มข้าราชการพศ.อย่างมาก เนื่องจากหนึ่งในนั้น ถือเป็นถึงผู้บริหารในพศ. ได้รับความไว้วางใจจากพระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคม(มส.) หลายรูป และยังได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่มีคนใน พศ.ทุจริต เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตเงินทอดวัดว่า พันตำรวจโท พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้แจ้งความดำเนินคดีกับข้าราชการสังกัดพศ. และ พลเรือนที่เกี่ยวข้องทั้ง 8 คนแล้ว
ส่วนจะต้องสั่งพักราชการเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องก่อนหรือไม่นั้น ก็ต้องถาม ผู้อำนวยการ พศ.อีกครั้ง แต่ก็อาจต้องพักงาน และตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย
นายออมสิน ยังกล่าวถึง การกำหนดระเบียบการรับเงินบริจาคเข้าวัด ว่าจะต้องทำใหม่หรือไม่นั้น ว่า การบริจาคเงินให้วัดเป็นศรัทธาของประชาชน แต่ก็ต้องไปดูอีกครั้ง เพราะวัดเป็นนิติบุคคล มีเจ้าอาวาสเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการเรื่องต่างๆ มีไวยาวัจกรวัด และคณะกรรมการวัดร่วมพิจารณา เรื่องเหล่านี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน จึงควรดูอย่างรอบคอบรัดกุม เพราะจะไปกระทบกับเรื่องของพระค่อนข้างมาก อีกทั้ง พระส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีความผิดอะไร เพราะถูกหลอกจากเจ้าหน้าที่ พศ.อีกทอดหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องหารือกับมหาเถรสมาคม(มส.)เรื่องกฎเกณฑ์ในการยื่นของบประมาณเพื่อขอบูรณปฏิสังขรณ์หรือไม่ นายออมสิน บอกว่า พศ.ได้แก้ไขให้ทางวัด ไม่สามารถของบประมาณจากทาง พศ.ได้โดยตรง ต้องขอผ่านทางพศ.จังหวัด เพื่อพิจารณาความเหมาะสมก่อนส่งมายังพศ.ส่วนกลาง ก็มีความน่ารัดกุมรอบคอบเพียงพอแล้ว แต่หากไม่เพียงพออย่างไรให้มาว่ากันอีกครั้ง
ส่วนที่จังหวัดอำนาจเจริญ นายสิริรัฐ ชุปอุปการ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ
บอกถึง กรณีที่วัดในจังหวัดอำนาจเจริญ ตกเป็นข่าวเกี่ยวข้องกับ เงินทอนวัด คือ
วัดศรีเจริญ 5 ล้านบาท วัดโพธิ์ศรี 2.5 ล้านบาท วัดโคกเลาะ 8.2 ล้านบาทนั้น
ตนเองได้ตั้งคณะทำงานเป็นกรรมการในการตรวจสอบ มี พศ.จังหวัด เจ้าคณะจังหวัด และกรรมการจังหวัดเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง และรายงานให้ พศ.ส่วนกลางทรายต่อไป หลัง ป.ป.ช. มาตรวจสอบ และเห็นว่าทั้ง 3 วัดมีความผิดในการทุจริตเงินทอน
ขณะที่ นายบัวเขียน หวานอ่อน ไวยาวัจกรวัดโคกเลาะ บอกว่า จากข่าวที่ออกไป วัดโคกถูกชาวบ้านมองว่า เป็นวัดขี้โกง เป็นวัดทุจริต รวมทั้งเจ้าอาวาส และผู้เกี่ยวข้องก็ได้รับความเสียหายไปด้วย จึงอยากขอความเป็นธรรม ให้ผู้เกี่ยวข้องไปจับผู้กระทำผิดมาเปิดโปงให้หมด ไม่ใช่มาเน้นว่าวัดเกี่ยวข้อง เพราะคำสั่งโอนเงินคืน เกิดจากส่วนกลาง จึงต้องทำตามคำสั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศตามวัดต่างๆ ที่มีชื่อว่าทุจริต ต่างก็เงียบเหงาไปตามๆกันไม่ค่อยมีประชาชนไปวัด และพูดกันในเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้น บางวัดเจ้าอาวาสก็ไม่ยอมให้ข้อมูล อ้างติดภาระกิจ ปล่อยให้ ระดับรองเจ้าอาวาส และไวยาวัจกรรับหน้าแทนเท่านั้น