ชาวบ้าน 2 ตำบล ใน จ.เพชรบุรี รวมตัวกันคัดค้านการก่อสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะ เนื่องจากเกรงว่า จะส่งผลกระทบกับ ชุมชน วัด และโรงเรียน ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง

ที่ศาลากลางหมู่บ้านไร่มะขาม หมู่ 6 ตำบลไร่มะขาม อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ชาวบ้านจากตำบลไร่มะขาม และตำบลท่าเสน รวมถึงหมู่บ้านใกล้เคียงกว่า 100 คน ได้เดินทางมารวมตัวกันเพื่อคัดค้านการตั้งโรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชน กำลังผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ที่บริษัทเอกชนรายหนึ่ง เตรียมลงทุนก่อสร้าง บริเวณหลังวัดเขาทะโมน ตำบลท่าเสน อำเภอบ้านลาด บนพื้นที่ประมาณ 40 ไร่

โดยบรรดาชาวบ้านที่มาชุมนุม ได้มีการแจกเอกสาร "คนรักษ์บ้านเกิด เอาแน่หรือ? โรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย" ซึ่งเอกสารดังกล่าว มีรายละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบต่างๆ จากโรงงานขยะ รวมถึงมีการตั้งคำถามจากชาวบ้านว่า

"ถ้าจะให้มีโรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะได้หรือไม่ ตอบว่ามีได้ แต่ต้องมีหลักเกณฑ์ดังนี้ คือ พื้นที่ต้องตั้งอยู่ห่างจากชุมชนอย่างน้อย 3-5 กิโลเมตร มีขนาดอย่างน้อย 100 ไร่ ไม่มีปัญหาน้ำท่วม และมีเส้นทางให้รถบรรทุกขยะเข้ามาได้โดยไม่ผ่านชุมชน"

นอกจากนี้ยังมีการขึ้นพูดจากตัวแทนชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ เรื่องผลกระทบต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหากปล่อยให้มีการก่อตั้งโรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะขึ้นมาจริงๆ ตลอดจนตำหนิการดำเนินการด้านข้อมูลข่าวสารของภาครัฐและเอกชน ที่จะมีการก่อตั้งโรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะแห่งที่ 2 ขึ้น แต่ชาวบ้านในพื้นที่กลับไม่รู้เรื่องมาก่อนเลย

กระทั่งในเวลาต่อมา นายสุทธิพงษ์ พรมมาตร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลไร่มะขาม ได้ออกมาชี้แจงกับชาวบ้านว่า ที่ตนยังไม่ได้เคลื่อนไหว เนื่องจากขอดูท่าทีของทางบริษัทที่จะมาลงทุนก่อสร้างโรงงานนี้ก่อน เพราะตามข้อเท็จจริง ผู้มีอำนาจทางจังหวัดเพชรบุรี ต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว

นอกจากนี้การขออนุญาตก่อสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ซึ่งตนเองก็ยังสงสัยว่า ทำไมบริษัทนี้ถึงผ่านขั้นตอนต่างๆ จนมาถึงขั้นจะซื้อที่เตรียมก่อสร้างได้ โดยตนขอยืนยันว่าไม่ได้เข้าข้างโรงงาน หากโรงงานเกิดขึ้นมาแล้วส่งผลกระทบจริง ตนก็พร้อมที่จะเดินหน้าต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชนทุกคน

จากนั้นทางชาวบ้านและผู้นำชุมชน ก็ได้ใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนจะได้ข้อสรุปว่า จะฝากเรื่องนี้ให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลไร่มะขาม ไปบอกผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ชาวบ้านไม่ต้องการโรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะ และอยากให้มีการพิจารณาอีกครั้ง และหากไม่เป็นผลสำเร็จ ทางชาวบ้านก็จะดำเนินการร้องเรียนเรื่องนี้ถึงนายกรัฐมนตรี