กองทุนยุติธรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีหญิงวัย 44 ปีและลูกสาววัย 14 ปี ถูกทนายโกงเงินเกือบ 5 ล้าน หลังชนะคดีถูกรถชน เพื่อหาทางช่วยเหลือด้านคดี

หญิงวัย 44 ปี และลูกสาวพิการวัย 14 ปี มอบเอกสารหลักฐานให้เจ้าหน้าที่จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กองทุนยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบในคดีที่ถูกทนายความอาสา โกงเงินเยียวยา หลังคู่กรณีที่ขับรถชน ชดใช้เงินเกือบ 5 ล้านบาท แต่ทนายความกลับเชิดเงินหนี

นางสาวธารีรัตน์ โยมบุตร นิติกรสำนักงานกองทุนยุติธรรม สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า ได้ลงพื้นที่เพื่อแจ้งสิทธิแก่ผู้เสียหาย และตรวจสอบข้อเท็จจริงของคดี ตั้งแต่ที่หญิงวัย 44 ปี และลูกสาวถูกรถบรรทุกชน จนทำให้ตัวเองบาดเจ็บ ลูกสาวพิการ และสามีเสียชีวิต และตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะที่ทนายความเข้าช่วยเหลือ

เบื้องต้นพบว่า ผู้เสียหายได้เข้าไปแจ้งความ ที่ สน.บางยี่ขัน หลังพบว่า ทนายความได้ไปรับเงินที่คู่กรณีจ่ายให้แล้ว แต่ภายหลังทนายความคนดังกล่าว ได้เข้ามาไกล่เกลี่ย เพื่อให้ถอนคำแจ้งความ และอ้างจะนำเงินมาคืนให้ จึงหลงเชื่อ ถอนแจ้งความจนเรื่องเงียบหายไป

นางสาวธารีรัตน์ ยังระบุว่า ขณะนี้ เตรียมลงพื้นที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อสอบสวนในประเด็นของคำพิพากษาศาลว่า มีคำพิพากษาอย่างไร เพื่อนำมาเป็นแนวทางช่วยเหลือในด้านคดีด้วย

นอกจากนี้ กองทุนยุติธรรม ยังจะช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องทนายความ / ค่าธรรมเนียมศาล รวมถึงเรื่องค่าที่พัก และค่าเดินทางระหว่างการต่อสู้คดีด้วย

ด้านพลตำรวจโทศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า คดีนี้ ได้รับรายงานว่า ในช่วงที่หญิงวัย 44 ปี เข้ามาถอนแจ้งความ พนักงานสอบสวนสน.บางยี่ขันได้ทักท้วงแล้ว แต่หญิงวัย 44 ปี ยังยืนยันว่า จะถอนแจ้งความ จึงดำเนินการให้

ส่วนคดีปลอมแปลงเอกสาร พนักงานสอบสวน ได้ส่งสำนวนคดีดังกล่าว ให้กับอัยการ และได้ทำสำนวนจนเสร็จ และรอการพิจารณาชี้ขาด ซึ่งถือว่า หมดหน้าที่ของพนักงานสอบสวนแล้ว

ส่วนที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า หากหญิงวัย 44 ปี จะแจ้งความในข้อหาฉ้อโกงกลับอีกครั้งได้หรือไม่ พบว่า ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการแจ้งความแล้ว แต่จะตรวจสอบว่า จะมีช่องทางใด ดำเนินคดีกับทนายความได้บ้าง

กองทุนยุติธรรมตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีทนายโกงเงินเกือบ 5 ล้าน