รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ออกมายืนยัน ไม่ปรากฏหลักฐานการฆาตกรรมนักท่องเที่ยวสาวชาวเบลเยียม บนเกาะเต่า แต่มีหลักฐานว่า ผู้ตายเคยพยายามฆ่าตัวตาย โดยวิ่งให้รถไฟชนมาแล้ว เมื่อวันช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา
พลตำรวจตรี ชลิต ถิ่นธานี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เรียกประชุมชุดสืบสวนคลี่คลายคดี กรณีพบศพนางสาวเอลิส ดัลเลอมาเน นักท่องเที่ยวสาวชาวเบลเยียม วัย 30 ปี ในห้องพักบังกะโลแห่งหนึ่ง บนเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา
โดยภายหลังการประชุม พลตำรวจตรี ชลิต ได้ออกมาเปิดเผยว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานของชุดสืบสวน ไม่พบหลักฐานหรือพยานใดที่บ่งชี้ไปที่เรื่องการฆาตกรรม ประกอบกับการตรวจสอบประวัติของผู้ตายพบว่า เป็นคนคลั่งในลัทธิ ซึ่งเป็นลัทธิหนึ่งของประเทศอินเดีย รวมถึงมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตด้วย
ที่สำคัญที่ผู้ตาย ยังเคยก่อเหตุพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา ด้วยการวิ่งไปให้รถไฟชน ที่สถานีรถไฟนพวงศ์ แต่ตำรวจกับพลเมืองดีเห็นก่อนจึงช่วยไว้ทัน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดไว้แล้ว
ดังนั้น ทางตำรวจ จึงขอยืนยันว่า ประเด็นการฆาตกรรมกรณีพบศพนางสาว เอลิส นั้นยังไม่ปรากฎหลักฐานใดๆ บ่งชี้ทั้งสิ้น และ สันนิษฐานว่า นางสาวเอลิส อาจจะมีความกดดันส่วนตัว จากเหตุเพลิงไหม้ภายในบังกะโล ที่พบศพก่อนหน้านี้ ซึ่งมีต้นเพลิงมาจากห้องพักของนางสาวเอลิส เป็นเหตุทำให้นางสาวเอลิส ตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิด
ด้าน พลตำรวจตรีสุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บังคับการตำรวจกองปราบปราม เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการสืบสวนเรื่องดังกล่าวว่า เบื้องต้นได้นำผลการตรวจชันสูตรศพมาทำการตรวจสอบ พร้อมสอบปากคำพยานแวดล้อมโดยเฉพาะพนักงานบริษัทเรือเฟอร์รี่แล้ว กรณีพบเห็นกระเป๋าเดินทางของผู้ตาย ในส่วนนี้พบว่า ในวันเดินทางผู้ตายได้โดยสารเรือมาที่เกาะเต่า พร้อมกระเป๋าเดินทาง 3 ใบ แต่พอลงเรือปรากฏว่าผู้ตายลืมกระเป๋า 1 ใบ จึงทำให้มีกระเป๋า 2 ใบติดกลับไปกับเรือ
ส่วนกรณีที่ผู้ตายมีความพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จนั้น ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ อยู่ระหว่างการประสานพนักงานสอบสวน สน.นพวงศ์ เพื่อขอข้อมูลผลการตรวจสภาพจิตใจนางสาวเอลิส จากโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา เพื่อนำมาตรวจสอบว่า แพทย์ได้วินิจฉัยว่าผู้ตายมีสภาพจิตใจเป็นอย่างไร