เกิดอุบัติเหตุขึ้นหลายพื้นที่ หลังจากช่วงเย็นวานนี้ (4 ก.ค.) เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก ส่งผลให้รถที่ขับฝ่าสายฝนมา เสียหลักจากถนนลื่น

เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยระยอง เร่งนำเครื่องมือตัดถ่าง ช่วยเหลือนายปองหนึ่ง ภิรมย์ภักดิ์ อายุ 26 ปี หลังเกิดเหตุรถกระบะแหกโค้งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายนาตาขวัญ-ชะวึก เจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง จึงช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ออกมาจากตัวรถได้

ตรวจสอบตามร่างกาย พบแขนขวาหัก ศีรษะแตก ตาบวม เลือดออกจมูก เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลระยอง

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้บาดเจ็บ ขับรถกระบะ ฝ่าสายฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนัก เพื่อกลับบ้านพัก เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ เป็นทางโค้ง ถนนลื่น รถเกิดเสียหลัก ชนเข้ากับเสาไฟ ทำให้รถพังเสียหาย และอัดร่างอยู่ในที่นั่งคนขับ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างช่วยชีวิต ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย

ส่วนที่จังหวัดแพร่ ฝนตกถนนลื่น ส่งผลให้กระบะที่ขับมาจากอำเภอลอง เพื่อลงเขาเสียหลักพุ่งชนรถโดยสารสองแถว บริเวณถนนสายแพร่ลอง ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 6 คน และบาดเจ็บสาหัส 4 คน ซึ่ง 1 ในจำนวนนี้ มีพระสงฆ์รวมอยู่ด้วย 1 รูป

สำหรับสาเหตเตรียมเรียกสอบคู่กรณีทั้งสองฝ่าย มาสอบสวนอีกครั้ง แต่คาดว่า น่าจะเป็นเพราะฝนตกถนนลื่น และเป็นทางขึ้นเขา มีทางโค้งจำนวนมาก

ปิดท้ายที่จังหวัดสุพรรณบุรี เกิดเหตุรถกระบะ ชนรถบรรทุก 4 ล้อ บนถนนสายวิเศษชัยชาญ-สุพรรณบุรีหมู่ 1 ตำบลวังยาง

ที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุก 4 ล้อ เสียหลักตกลงไปในพงหญ้าข้างทาง โดยมีรถกระบะสีบรอนซ์ทอง ทับอยู่ด้านบน สภาพหน้ารถด้านซ้ายของรถกระบะ มีรอยชนฉีกขาดพังเสีหาย มีผู้บาดเจ็บเป็นหญิง 2 คน

คือ นางสาวอุมาพร สมาลาวงศ์ อายุ 24 ปี และนางประนอม สมาลาวงศ์อายุ 61ปี ทั้งคู่เป็นแม่ลูกกันติดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงรีบช่วยเหลือนำออกมาปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล

สอบสวนคนขับรถบรรทุก เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้จอดรถแวะกินก๋วยเตี๋ยว และกำลังเรียกเก็บเงิน แต่ทันใดนั้น ได้ยินเสียงดังโครมสนั่น และพบว่า รถของตัวเองถูกรถกระบะ พุ่งชนท้ายอย่างแรง จนตกลงข้างทาง คาดว่า คนขับน่าจะหลับใน หลังเพิ่งพาแม่กลับจากซื้อผลไม้ ที่จังหวัดอ่างทอง

ขับกระบะฝ่าสายฝนเสียหลักชนเสาไฟบาดเจ็บ