นางปวีณา หงสกุล ลงพื้นที่ จ.ตรัง ตามคดีหญิงวัย 21 ปี ถูกฆ่าในสวนยางพารา หลังผ่านไป 2 เดือนคดีไม่คืบหน้า ขณะที่ ผลตรวจพิสูจน์ ไม่พบร่องรอยถูกข่มขืน
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมญาติของหญิงวัย อายุ 21 ปี ที่ถูกคนร้ายฆ่าตายกลางสวนยางพารา อำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา
เดินทางไปยังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง เพื่อเข้าพบพลตำรวจตรี สมพงศ์ ทองใบ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง และชุดคลี่คลายคดี เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี เพราะทำให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัว เนื่องจากไม่ทราบคนร้ายเป็นใคร
นางปวีณา กล่าวว่า เนื่องจากครอบครัวของผู้เสียชีวิต พร้อมลูกน้อยของผู้เสียชีวิตนั่งรถไฟไปร้องเรียนที่มูลนิธิปวีณา เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ทำให้ทราบว่า ครอบครัวซึ่งอยู่กัน 4 คน เป็นครอบครัวน่าสงสารมาก
โดยหลังเกิดเรื่อง ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เพราะเจ้าหน้าที่ยังจับกุมคนร้ายไม่ได้ ทำให้ไม่กล้าออกไปไหนมาไหน ไม่กล้าไปกรีดยางในแปลงเดิมที่ลูกสาว เสียชีวิต และยังรู้หวาดกลัว
แม้จะมีการส่งผู้ต้องสงสัย ไปตรวจเก็บหลักฐาน DNA มาแล้วจำนวนหนึ่ง แต่ยังจับไม่ได้ จึงเดินทางมาติดตามตำรวจตามคดี และเพื่อให้ญาติได้รับฟังข้อมูลว่า ตำรวจทำงานถึงไหนแล้ว พร้อมจะขอให้ทางเจ้าหน้าที่ จัดกำลังเข้าไปคุ้มครองดูแลความปลอดภัย ให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต เพราะทุกคนหวาดกลัว
ขณะเดียวกัน นางปวีณา ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่หน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดตรัง เข้าไปติดตามเยียวยาสภาพจิตใจของคนในครอบครัวด้วย เพราะสภาพจิตใจของทุกคนในครอบครัว ย่ำแย่มาก
นางปวีณา กล่าวหลังการประชุมว่า ได้ข้อมูลชัดเจนขึ้น ผู้บังคับการให้ข้อมูลทำให้ มั่นใจว่า ตำรวจทำงานอย่างจริง แต่เนื่องจากคดี ไม่มีพยานหลักฐานจึงต้องใช้เวลา ตรวจดีเอ็นเอ เพื่อ เป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งต้องใช้เวลา ตนเองเชื่อว่า จะได้ตัวคนร้ายได้ในที่สุด
ด้านพลตำรวจตรีสมพงศ์ กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้คดีคืบหน้าไปมาก แต่จะต้องสืบสวนเพิ่มเติมทุกด้าน เพื่อจะได้ตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ในตอนนี้ ยังมีผู้ต้องสงสัย และยังมีหลายประเด็นต้องสอบสวนอีก ทั้งภายใน ภายนอก ใกล้ตัว
สำหรับผลตรวจชันสูตรพลิกศพ ของแพทย์โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา พบว่า ศพเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ โดนทำร้ายด้วยการบีบคอ และเสียชีวิต เพราะจมน้ำ ร่องรอยเรื่องการข่มขืน ไม่ปรากฏชัด จึงขอยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการข่มขืนแน่นอน
และแม้ทางตำรวจ ยังจับคนร้ายไม่ได้ แต่ที่ผ่านมา มีเพียงการสอบสวนพยาน และ ผู้ที่ใกล้ชิด 32 ปาก และได้ส่งตัวผู้ต้องสงสัย ไปตรวจดีเอ็นเอ ชุดแรก 16 คน แต่ไม่ผู้กระทำผิด
ชุดที่ 2 ส่งผู้ต้องสงสัยไปตรวจอีก 14 คน และล่าสุด 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้ส่งตัวชายต้องสงสัยอีก 2 คน ไปส่งตรวจซึ่งต้องรอผลอีกครั้ง