กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. เรียกประชุมหน่วยงานในสังกัด สรุปผลดำเนินการ "คดีทุจริตเงินอุดหนุนวัด" เฟส 2 ยืนยันคดีไม่เงียบ คืบหน้าไปกว่าครึ่ง

พลตำรวจตรีกมล เหรียญราชา ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. เปิดเผยถึงความคืบหน้า การตรวจสอบวัดที่เข้าข่ายทุจริตเงิดอุดหนุนจาก สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รอบ 2 ที่มีวัดเป้าหมายกว่า 26 วัดว่า

วันนี้ เป็นการประชุมสรุปผลดำเนินการ ของแต่ละกองบังคับการ ที่แบ่งพื้นที่กันลงตรวจสอบตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยยืนยันว่า การทำงานของ ปปป. มีความคืบหน้าไปมาก แต่ไม่สามารถให้รายละเอียดกับสื่อมวลชนได้ เนื่องจากคดีดังกล่าว เสี่ยงกระทบต่อความเลื่อมใส ศรัทธาของชาวพุทธ

รวมถึงบางวัดที่ถูกตรวจสอบ เป็นพระอารามหลวง และเจ้าอาวาสเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบ ยังไม่พบว่า มีพระร่วมกระทำผิด เพียงแต่เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ที่ทุจริตมานานกว่า 10 ปี และใช้วัดเป็นทางผ่านเงินเท่านั้น

ซึ่งยืนยันว่า รอบ 2 จะมีผู้ต้องหาเพิ่มแน่นอน ขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างรอบคอบ รัดกุม และพร้อมจะแถลงต่อสื่อมวลชน

สำหรับคดีการทุจริตเงินเงินอุดหนุนวัด ในส่วนของงบบูรณะปฏิสังขรณ์รอบแรก พบทุจริตชัดเจน 12 วัด ผู้ต้อง 10 คน ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าทึ่ พศ.และเครือญาติ ซึ่งส่งสำนวนให้ ปปช.ไปแล้วก่อนหน้านี้ ส่วนทาง พศ. ก็ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยขึ้นมาร่วมตรวจสอบด้วย 

ปปป.ยอมรับคดีเงินทอนวัด กระทบศรัทธาชาวพุทธ