ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บินด่วนกลับจังหวัดกระบี่ คุมผู้ต้องหาฆ่ายกครัว 8 ศพ ชี้จุดเกิดเหตุ หลังนำไปสอบเข้มในค่ายทหาร เตรียมแถลงรายละเอียดอีกครั้งบ่ายวันนี้
เมื่อวานนี้ ( 15 พ.ค.) หลังจากชุดคลี่คลายคดี ลงพื้นที่เก็บหลักฐานกล้องวงจรปิดกว่า 1 พันตัว เพื่อหาเส้นทางที่คนร้าย ขับรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ รถโตโยต้า ยาริส สีขาว และ รถโตโยต้า ยาริส สีบรอนซ์เงิน ของ นายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้าน ที่ขโมยเพื่อหลบหนี หลังก่อเหตุฆ่าโหด 8 ศพ
พลตำรวจเอกสุเทพ เดชรักษา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบสำนวนการสอบสวนคดีนี้ เปิดเผยว่า คนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้ ไม่น่าจะเป็นการทำงานของซุ้มมือปืนรับจ้าง แต่เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มบุคคล ชวนกันกระทำการเกี่ยวกับทรัพย์สิน หลังสืบทราบว่า ผู้ใหญ่บ้าน มีทรัพย์สิน หรือ เงินทอง จึงเข้าไปบังคับขอส่วนแบ่ง แต่เหตุการณ์เกิดบานปลาย ทำให้ต้องฆ่าบุคคลอื่นในครอบครัวด้วย ทั้งนี้ จากข้อมูล ก็ไม่พบว่า ผู้ใหญ่บ้านติดหนี้สินใครมาก่อน
พร้อมกันนี้ ยังได้ส่งชุดสืบสวน ลงพื้นที่หาเบาะแสคนร้าย ในหลายจังหวัดภาคใต้ รวมทั้ง หาเบาะแสร้านขายเครื่องแบบทหาร หรือ ขายเสื้อผ้าเลียนแบบทหาร จากคำให้การพยานที่รอดชีวิต ที่บอกว่า คนร้ายทุกคนสวมชุดลายพรางแบบทหาร
เบื้องต้น ชุดสืบสวนได้เก็บตัวอย่างชุดลายพรางมาให้พยานยืนยัน แต่ ยังไม่แน่ชัดว่า เป็นคนในเครื่องแบบจริงหรือไม่ จึงให้สืบหากลุ่มทหาร ที่เข้ามารับจ้างเฝ้าสวนปาล์มใน จังหวัดกระบี่และพื้นที่ใกล้เคียงว่าเกี่ยวข้องหรือไม่
ญาติคนสนิท "วรยุทธ สังหลัง" เผย พบหน้ากันก่อนเกิดเหตุเพียง 30 นาที
นอกจากนี้ ทีมข่าวช่องแปด ได้เดินทางไปพบญาติคนสนิทของผู้ใหญ่บ้าน หลังได้ข้อมูล ว่า เป็นคนสุดท้าย ที่ไปพบผู้ใหญ่บ้านวรยุทธ ที่บ้านพัก ก่อนที่คนร้ายจะเข้ามาก่อเหตุไม่เกิน 30 นาที
ญาติคนนี้ให้ข้อมูลว่า เธอไปพบผู้ใหญ่บ้าน เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับโครงการของชุมชนในช่วงเวลาประมาณบ่ายสามโมง ระหว่างนั้น ก็เจอกับครอบครัวผู้ใหญ่บ้านพร้อมหน้า เนื่องจากเป็นวันหยุด ใช้เวลาพูดคุย ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วกลับออกมาในช่วงเวลาประมาณ 16 นาฬิกา 30 นาที ซึ่งเป็นช่วงเวลาตามข้อมูลที่ระบุว่า กลุ่มคนร้ายเข้ามาทำทีตรวจค้นบ้าน
ทั้งนี้ญาติคนนี้ยืนยันว่า ก่อนเกิดเหตุ ไม่พบพิรุธว่า จะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น หลังทราบข่าว ตกใจกับเหตุการณ์นี้มาก เพราะหากเธอออกมาจากบ้านผู้ใหญ่ช้ากว่านี้ อาจตกเป็นเหยื่อของคนร้ายด้วยเช่นกัน
"โกเก่ง" เจ้าของโรงโม่หิน ขอตร.คุ้มครอง ปัดเอี่ยวฆ่า 8 ศพ
ขณะที่ช่วงเย็น นายนรินทร์ เก่งธนทรัพย์ หรือ โกเก่ง อายุ 59 ปี เจ้าของโรงโม่หินตรังภูทอง เดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง เพื่อยื่นหนังสือขอกำลังคุ้มกัน ดูแลความปลอดภัยตนเอง และครอบครัว เพราะเกรงว่า มือที่สาม จะอาศัยจังหวะลงมือฆ่าตัดตอน หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่า 8 ศพ ที่มีการพุ่งเป้าไปที่ความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ โรงโม่หินอ่าวลึกศิลาทอง จังหวัดกระบี่
นายนรินทร์ เปิดเผยว่า ข่าวที่ออกมาไม่เป็นความจริง ผู้ตายกับตนเอง ไม่ได้มีความสนิทสนมกัน แม้แต่เบอร์มือถือก็ยังไม่มี ที่ผ่านมาตนลงทุนไปกว่า 30 ล้านบาท ในการขอประทานบัตร (ยื่นประมูลขอสัมปะทาน) และ จากกระแสข่าวที่ออกมาว่า ตนให้เงินผู้ใหญวรยุทธ เพื่อไปเคลียร์กับชาวบ้านในพื้นที่ เรื่องนี้ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และ ไม่มีความจำเป็นต้องไปให้ผู้ใหญ่บ้าน เพราะไม่ใช่หุ้นส่วนสัมปทาน
ทั้งนี้ ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย และในส่วนของการขอเปิดสัมปทานโรงโม่ คงต้องสู้กันต่อไป
ยึดรถยนต์โตโยต้าคันก่อเหตุ ที่บ้านหลังหนึ่ง ในจ.นครศรีธรรมราช
จากนั้นในช่วงค่ำ ตำรวจ-ทหาร หลายสิบนาย เข้าปิดล้อมและค้นบ้านหลังหนึ่ง ที่บ้านมะม่วงสองต้น ตำบลนาสาร อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยปิดกั้นพื้นที่อย่างเด็ดขาด และห้ามผู้สื่อข่าวเข้าบันทึกภาพ พร้อมตึงกำลัง และสอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับบุคคลในบ้านอย่างเคร่งเครียด
จากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ได้ยึดรถและนำขึ้นรถบรรทุกแบบสไลค์ ใช้ผ้าใบผิดมิดชิดและนำออกเดินทางจากบ้านหลังนี้ทันที คาดว่า เป็นรถโตโยต้ายาริสของคนร้าย ที่ขับหลบหนี หลังก่อเหตุสังหารโหด 8 ศพ
รองโฆษก ตร. ยืนยัน จับ 5 ผู้ต้องคุมสอบ ด้าน ผบ.ตร.ปิดด่วนเค้นสอบเอง
ขณะที่ เวลาประมาณ 23 นาฬิกา พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้า ที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งชุดสืบสวนสอบสวนบูรณาการกำลังจากหน่วยต่างๆ หลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่า
เจ้าหน้าที่ อาศัยคำสั่ง หัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ควบคุมกลุ่มผู้ต้องสงสัยไว้แล้ว 5 คน จากการซักถามเบื้องต้น รับสารภาพว่า มีมูลเหตุจูงใจการฆ่า เกี่ยวกับข้อพิพาทที่ดิน และ หนี้สิน เจ้าหน้าที่ยังได้ ยึดรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุได้แล้ว 2 คัน พร้อมอาวุธปืนจำนวนหนึ่ง และขอให้พี่น้องประขาชน มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่
ขณะที่ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้บินด่วนกลับมาที่จังหวัดกระบี่อีกครั้ง หลังจากช่วงเช้า บินกลับไปกรุงเทพมหานครแล้วรอบหนึ่ง เพื่อมาติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าวด้วยตนเอง
โดย พลตำรวจเอกจักรทิพย์ เดินทางไปยัง กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 (ร.15 พัน.1) อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ซึ่งก่อนหน้านี้ ทหารได้นำตัวผู้ต้องสงสัยมาทำการสอบปากคำ
ขณะเดียวกัน รถยนต์ของคนร้าย ที่ตรวจยึดได้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายเข้ามาเก็บไว้ในค่ายดังกล่าวเช่นกัน พร้อมทั้งห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสื่อมวลชนเข้าไปแต่อย่างใ