อัยการนำตัว "อดีตพระเณรคำ" ส่งฟ้องศาลอาญาเอาผิด 2 สำนวนคดี รวม 5 ข้อหา โดย ศาลอาญาประทับรับฟ้องพร้อมส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพทันที ขณะที่ศาลแพ่ง สั่งยึดทรัพย์สินมูลค่า 43 ล้านบาทของ "อดีตพระเณรคำ" กับพวกตกเป็นของแผ่นดิน
ดีเอสไอคุมตัว"อดีตเณรคำ"ส่งอัยการคดีพิเศษ
วานนี้ (20ก.ค.) เวลา 10.00 น. พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ควบคุมตัว นายวิรพล สุขผล หรือ อดีตพระเณรคำ อดีตประธานสงฆ์ สำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ จากดีเอสไอ ถ.แจ้งวัฒนะ มาส่งให้กับพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก เพื่อนำตัวฟ้องศาลอาญา
โดย นายวิรพล เดินทางมาในชุดสวมเสื้อแขนสั้นและกางเกงขายาวสีขาว ซึ่งอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 ได้ดำเนินการสอบประวัติ พร้อมแจ้ง คำสั่งฟ้องคดีอาญา ก่อนที่ดีเอสไอและอัยการควบคุมนายวิรพลมายื่นฟ้องต่อศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พร้อมสำนวน
อัยการสั่งฟ้อง"อดีตเณรคำ"2คดี รวม 5 ข้อหา
ด้าน เรือโท สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงว่า อัยการคดีพิเศษ ฝ่ายคดีพิเศษ 4 มีความเห็นสั่งฟ้อง 2 คดี รวม 5 ข้อหา คดีที่ 1 ฐานความผิดพรากเด็กอายุ ยังไม่เกิน 15 ปีฯ และ กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งไม่ใช่ภริยาตนฯ ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก ที่อัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี และ มาตรา 317 วรรคสามอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี ซึ่งเป็นการสั่งฟ้องตามความเห็นเดิมที่พนักงาน สอบสวนเคยสรุปสำนวนส่งให้อัยการ
แต่ในข้อหาทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และ พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจารนั้น อัยการสั่งยุติดำเนินคดี เนื่องจากคดีขาดอายุความไปแล้วตั้งแต่ปี 2559
คดีที่ 2 ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลปลอม หรือ เท็จฯ ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2551 มาตรา 14 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และ ข้อหาฉ้อโกงประชาชนตามมาตรา 343 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และ ฐานฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี
ซึ่งการยื่นฟ้องสำนวนคดีฉ้อโกงนี้ อัยการได้ระบุท้ายฟ้องขอให้ศาลสั่งอดีตพระเณรคำ จำเลย คืนทรัพย์สินแก่ผู้เสียหาย 29 คน รวมเป็นเงิน 28 ล้าน 6 แสนบาทเศษด้วย พร้อมคัดค้านการให้ประกันตัวในศาล เนื่องจากเคยมีพฤติการณ์จะหลบหนี จึงเกรงว่าหากปล่อยชั่วคราวจะหลบหนีอีก
ศาลรับฟ้อง-ส่งตัว"อดีตพระเณรคำ"เข้าเรือนจำ
ต่อมาอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ได้นำตัว นายวิรพล มายื่นฟ้องเป็นจำเลย ต่อศาล อาญา โดยศาลอาญาประทับรับคำฟ้องคดีพรากผู้เยาว์ฯ และ กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีฯ คดีฉ้อโกงประชาชน คดีความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คดีฉ้อโกง และ ความผิดฟอกเงิน ซึ่งนายวิรพล ให้การปฏิเสธ พร้อมขอต่อสู้คดีทั้ง 2 สำนวน
ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานทั้งสองคดี ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น. และ เนื่องจากนายวิรพล ไม่ได้ยื่นประกันตัว ในเวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวไปขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ศาลแพ่งยึดทรัพย์"อดีตเณรคำ"43 ล้านบาท
วันเดียวกัน ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก มีคำพิพากษาคดี ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 3 ยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินมูลค่า 43 ล้านบาทเศษของนาย วิรพล กับพวกรวม 8 คน ตกเป็นของแผ่นดิน โดยศาลแพ่ง เห็นว่า นายวิรพล พร้อมพวก ไม่สามารถชี้แจงแหล่งที่มาของทรัพย์ได้
ซึ่ง นายวิรพล บวชเป็นพระมีรายได้จากประชาชนที่มาทำบุญอย่างเดียว ไม่ได้มีรายได้จากแหล่งอื่น จึงเชื่อว่า ทรัพย์สิน 27 รายการ อาทิ ที่ดิน-สิ่งปลูกสร้าง รถหรูปอร์เช่ รถจักรยานยนต์ และทรัพย์อื่น ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จึงให้ทรัพย์สินทั้ง 27 รายการ มูลค่ากว่า 43 ล้านบาทตกเป็นของแผ่นดิน
อย่างไรก็ตามคดีแพ่งริบทรัพย์ดังกล่าว เป็นคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ซึ่งนายวิรพล และพวก สามารถยื่นอุทธรณ์คัดค้านต่อศาลอุทธรณ์ได้อีกภายใน 30 วัน
คุม"เณรคำ"อยู่แดนแรกรับร่วมกับ"จตุพร"
ด้านนายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวว่า ได้รับตัวนายวิรพลมายังเรือนจำ เมื่อเวลา 13.00 น. โดยขั้นตอนการรับตัว ผู้ต้องขังใหม่นั้น เจ้าหน้าที่เรือนจำจะตรวจสุขภาพร่างกาย พิมพ์ลายนิ้วมือ และจัดทำประวัติผู้ต้องขัง ซึ่งพบว่านายวิรพลมีสุขภาพที่แข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัวอะไร
จากนี้จะนำไปควบคุมตัวไว้ยังแดนแรกรับ ซึ่งเป็นไปตามปกติของผู้ต้องขังใหม่ เรือนจำก็จะต้องส่งนักสังคม สงเคราะห์ หรือนักจิตวิทยา เข้าไปพูดคุยเรื่องการปรับตัว ซึ่งพบว่านายวิรพลมีอาการเครียดเล็กน้อย แต่บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าอยู่ในเรือนจำยังรู้สึกปลอดภัยกว่าข้างนอก
โดย นายวิรพล จะถูกคุมขังอยู่ในแดนแรกรับร่วมกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.ที่ถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 1 ปี ในคดีหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี