นายกรัฐมนตรี เผย ยอมให้คนเกลียด แต่ไม่ขอใช้นโยบายประชานิยมเดินหน้าประเทศ เตือนประชาชนอย่ายึดติดกับตัวเอง และต้องพัฒนาความคิด รู้จักวิเคราะห์ เพราะหากแบบเดิมประเทศจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้

วานนี้ (20 ก.ค.) เวลา 09.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "ตลาดนัดเปิดโลกผลงานวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยพบผู้ใช้" และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามสัญญาความร่วมมือในการถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่างมหาวิทยาลัย และบริษัท หน่วยงานผู้ใช้ผลงานวิจัยจำนวน 12 ผลงาน ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า สิ่งที่เป็นปัญหากับการขับเคลื่อนประเทศในวันนี้ คือ การขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งการจะเดินหน้าประเทศ ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ต้องดูตัวอย่างจากต่างประเทศว่า มีการเจริญเติบโตจากอะไร ทั้งเรื่องของประชาธิปไตย การวิจัยพัฒนา และความมั่นคง

ขณะนี้ประเทศยังมีอีกหลายเรื่องที่เป็นปัญหา ซึ่งเป็นปัญหาที่ตนต้องแบกรับ และจำเป็นต้องทำ แต่ทุกคนต้องคิดใหม่ทั้งหมด หากมัวแต่ยึดติดกับตัวเองก็จะทำให้ประเทศไปไหนไม่ได้ สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ การวิจัยและพัฒนาความคิดของคนก่อน เพื่อให้เข้าใจในสิ่งที่รัฐบาลทำ ไม่เช่นนั้นในอนาคตแม้ว่า จะมีประชาธิปไตยก็จะมีปัญหาอยู่เช่นนี้

นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศมีการประชุมเป็นพันเรื่อง ยอมรับว่าเหนื่อย แต่เมื่อสถานการณ์ประเทศเป็นเช่นนี้ รัฐบาลจะต้องเร่งรัดการประชุม เพื่อแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด และต้องลงมือทำทันที หากติดปัญหาตรงไหนตนเองพร้อมปลดล็อคให้ไม่เช่นนั้นอาจจะไม่ทันการตามโรดแมป ยอมรับที่ผ่านมารู้สึกเหนื่อย เพราะตนอายุ 60 กว่าปีแล้ว แต่ไม่เป็นไร ตนทำเพื่อชาติ 

ภายหลังเสร็จพิธี นายกฯ เปิดเผยว่า รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพียงฝ่ายเดียวได้ แต่ทุกคนต้องร่วมมือกันแก้ทั้งระบบ ซึ่งรัฐบาลจะพยายามดูแลกันต่อไปภายใน 1 ปี รัฐบาลก็ต้องปรับวิธีการในการดำเนินการ แต่ขออย่าเรียกร้องว่า ต้องเป็นเรื่องของประชานิยม เพราะตนไม่อยากใช้นโยบายประชานิยม

ซึ่งการทำให้คนรักนั้นง่าย อย่างตนไม่ทำอะไร คนก็รักอยู่แล้ว แต่ถ้าตนทำ แล้วคนจะเกลียดก็ไม่เป็นไร แต่ยืนยันว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องทำ เพื่อพวกเราทุกคนและประเทศชาติ