ที่ จ.นครพนม ซึ่งรับมวลน้ำส่วนหนึ่งมาจาก จ.สกลนคร ทำให้น้ำท่วมบ้านเรือนเกือบพันหลังและพื้นที่เกษตรเสียหายนับหมื่นไร่

หลายพื้นที่ในจังหวัดนครพนม ยังได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากมวลน้ำที่ไหลมาจากจังหวัดสกลนคร โดยเฉพาะอำเภอนาแก และอำเภอนาหว้าที่ได้รับผลกระทบหนักสุด เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่ม ติดกับลำน้ำ และบางพื้นที่เป็นลักษณะคอขวด และแอ่งกระทะ ทำให้น้ำไหลระบายช้า จนเกิดปัญหาน้ำท่วมขังบ้านเรือนของชาวบ้านเกือบ 700 หลัง มีพื้นที่นาข้าวของเกษตรกรได้รับผลกระทบกว่า 10,000 ไร่

เบื้องต้นทางจังหวัดได้ประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมเจ้าหน้าที่ ตั้งศูนย์อำนวยการดูแลให้การช่วยเหลือ ตามพื้นที่เสี่ยง ตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว พร้อมลงพื้นที่สำรวจแจ้งเตือนประชาชน ระดมจัดเก็บสิ่งของขึ้นที่สูงเพื่อป้องกันความเสียหาย

 

ส่วนที่จังหวัดเลย ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกัน 2- 3 วัน ทำให้แม่น้ำเลยมีระดับน้ำที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และเอ่อล้นตลิ่งท่วมบริเวณที่ลุ่มต่ำ ที่เคยท่วมซ้ำซากเป็นประจำ เช่นที่หมู่บ้านนาบอน ตำบลชัยพฤกษ์ อำเภอเมือง มีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมแล้วกว่า 30 หลัง ระดับน้ำท่วมสูงเฉลี่ยประมาณ 30-70 เซนติเมตร พื้นที่การเกษตร อาทิ นาข้าว ไร่ข้าวโพด จมน้ำได้รับความเสียหาย ทางจังหวัดได้เตือนประชาชนใกล้แม่น้ำเลยไหลผ่าน ให้เฝ้าฟังรายงานจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดแล้ว

 

ขณะที่จังหวัดพิจิตร หลายพื้นที่ในเขตอำเภอทับคล้อยังวิกฤต จากสภาวะฝนตกหนักและมีน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ไหลบ่าลงมาตามลำคลองวังแดงและลำคลองสาขาต่างๆอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ตำบลเขาเจ็ดลูก ตำบลเขาทราย ตำบลท้ายทุ่งและตำบลทับคล้อ โดยเฉพาะในเขตเทศบาลตำบลทับคล้อ 6 ชุมชน ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจ ถูกน้ำท่วมสูงเฉลี่ย 80-100 เซนติเมตร ประชาชนต้องขนยายสิ่งของไว้ที่สูง ส่วนเส้นทางเข้าออกตามตรอกซอยต่างๆ ถูกน้ำท่วมเกือบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์แม่ค้าพ่อค้าต้องขนสิ่งของมาค้าขายบนท้องแทน

เช่นเดียวกับที่อำเภอบางมูลนาก ที่เป็นพื้นที่รับน้ำ ทำให้บ้านเรือนประชาชนในเขตเทศบาลตำบลวังตะกู ซึ่งเป็นชุมชนตลาดเก่า ถูกน้ำท่วมกว่า 50 หลังคาเรือน การสัญจรในชุมชนเป็นไปอย่างยากลำบาก ประชาชนต้องอาศัยอยู่ในบ้าน เพราะระดับน้ำมีแนวโน้มจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ปิดท้ายที่จังหวัดเพชรบูรณ์ พระสงฆ์ต้องลุยน้ำออกมาเพื่อรับบิณฑบาต แม้ว่าระดับน้ำในตำบลสักหลง อำเภอหล่มสัก จะเริ่มลดลงแล้ว แต่ระดับน้ำยังมีความสูงเฉลี่ย 20-30 เซนติเมตร บางจุดสูง 80 เซนติเมตร

ขณะที่ถนนสายหล่มสัก-บ้านติ้ว น้ำได้ไหลท่วมถนน เป็นระยะทางยาวประมาณ 400 เมตร รถเล็กสัญจรไปมาด้วยความยากลำบาก ส่วนถนนสายร่องไผ่เลียบคลองชลประทาน ระดับน้ำมีความลึกราว 120 เซนติเมตร รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถวิ่งผ่านได้ ซึ่งหากไม่มีฝนตกลงมาซ้ำในพื้นที่ คาดว่าภายในวันนี้สถานการณ์น้ำท่วมก็จะกลับสู่สภาวะปกติ

สองอำเภอใน จ.นครพนม วิกฤต! หลังรับมวลน้ำจาก จ.สกลนคร