"นายวิษณุ เครืองาม" ชี้แจง เปิดตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิประจำส่วนราชการ ซี 10-11 เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เป็นที่รวมชมรมคนอกหัก ระบุ หากมีตำแหน่งว่าง ก็สามารถกลับไปดำรงตำแหน่งได้ พร้อมลุ้นเลือกปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในสัปดาห์หน้า
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำหนดตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิประจำส่วนราชการ 10 ตำแหน่ง สำหรับคนที่ไม่ได้เติบโตในหน่วยงานของตัวเอง ว่า เรื่องนี้มีมาตลอด แต่สมัยก่อนจะขอคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) เป็นครั้งๆ ไป
แต่ครั้งนี้ตั้งตำแหน่งไว้ก่อนแล้วค่อยบรรจุ โดยคำสั่งนี้จะหมดอายุไปพร้อมกับคสช.
ส่วนที่หลายคนมองว่า จะเป็นที่รวมคนอกหักจากตำแหน่งหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เหมือน เพราะชมรมคนอกหักจะปรับไปตำแหน่งที่เท่าเดิม แต่คำสั่งนี้ ซี 9 ที่ควรขึ้นซี 10 และมีคุณสมบัติครบ แต่ยังติดอะไรบางอย่างจึงให้มาขึ้นซี 10 ก่อน วันหนึ่งหากตำแหน่งว่าง และมีความเหมาะสมก็ได้กลับไป ตำแหน่งนี้จึงเป็นตำแหน่งเฉพาะตัว แต่ใช้หมุนเวียน
ส่วนที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีการเสนอชื่อแต่งตั้งปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เสนอรายชื่อมาที่ตนเองแล้ว แต่ติดกระบวนการอะไรบางอย่าง ที่ประชุมจึงยังไม่ได้พิจารณา แต่จะนำเข้าพิจารณาในสัปดาห์หน้า
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงภายหลัง พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และ พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการการปฏิรูปประเทศ มีผลบังคับใช้ จะมีการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติภายใน 30 วัน มีคณะกรรมการโดยตำแหน่ง และผู้ทรงคุณวุฒิ 17 คน รวมทั้งหมด 34 คน และคณะกรรมการชุดนี้ จะต้องจัดทำคณะอนุกรรมการด้านต่างๆขึ้นมา ซึ่งจะแต่งตั้งขึ้นในเดือน กันยายนนี้ ชุดละ 15 คน ทำงาน 5 ปี
นอกจากนี้จะต้องแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ 11 คณะเป็นอย่างน้อย ซึ่งแต่ละคณะมี 15 คน โดยตัวเลขานุการของคณะกรรมการแต่ละคณะ จะต้องเป็นคนที่เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอมา
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ให้แนวทางว่า ส่วนหนึ่งจะดูบุคคลที่เป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และผู้ที่ได้รับการเสนอชื่ออีกส่วนหนึ่ง
ส่วนคนทั่วไป พรรคการเมือง และองค์กรต่างๆ สามารถเสนอชื่อใครเข้าก็ได้ เพราะรายชื่อทั้งหมดนอกจากจะเป็นคณะกรรมการปฏิรูปแล้ว ยังอาจพิจารณาไปเป็นคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และอาจไปเป็นสมาชิกวุฒิสภา เพราะนายกรัฐมนตรีถือว่าคนหนึ่ง ไม่ควรเป็นคณะกรรมการหลายชุด จึงนำรายชื่อมาใช้ในหลายโอกาส โดยจะรวบรวมรายชื่อต่างๆ ทำเป็นบัญชีอาชีพ เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป