หญิงวัย 41 ปี ชาวจังหวัดสระแก้ว ร้องสื่อ ถูกตำรวจในจังหวัดอุทัยธานี ออกหมายเรียกคดีฉ้อโกงพระ ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เชื่อเกิดจากทำบัตรประชาชนหาย แล้วมีมิจฉาชีพ นำบัตรประชาชนไปแอบซื้อซิมโทรศัพท์ โทรไปหลอกลวงพระ
นางอารี แสนอู อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดสระแก้ว ได้ร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่า ตนเองถูกออกหมายเรียกจากพนักงานสอบสวน สภ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ในข้อหาฉ้อโกง ทั้งที่ไม่ได้มีความผิดใด ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ทำบัตรประชาชนหายไป คาดว่า อาจมีคนนำไปสวมรอยก่อเหตุ
นางอารี เล่าต่อว่า ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2559 ตนเองเดินทางไปทำพาสปอร์ต เพื่อไปเกาะกง ประเทศกัมพูชากับเพื่อน แต่พบว่า บัตรประชาชนหาย ไม่ทราบว่า หายตั้งแต่เมื่อไหร่ จึงไปแจ้งขอทำบัตรใหม่ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2559
ต่อมากลางเดือนธันวาคม มีชายคนหนึ่งโทรศัพท์มาหา บอกว่า เป็นตำรวจ สภ. หนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี และแจ้งว่า ตนเองมีคดีฉ้อโกงเงินพระ แต่ตนเองคิดว่า เป็นพวกแก๊งหลอกลวง จึงไม่ได้ติดต่อกลับไปอีก
จนผ่านมา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2560 มีตำรวจ สภ.คลองหาด จังหวัดสระแก้ว นำเอกสารมาส่งให้แม่ตนเอง 2 ฉบับ เมื่อตนเองกลับมาบ้านเปิดดู ถึงกับเข่าทรุด เพราะเป็นหมายเรียกจาก สภ.หนองฉาง ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีฉ้อโกงเงินพระ
เมื่อโทรศัพท์ไปสอบถามตำรวจ ได้บอกว่า คดีนี้ มีคนโทรศัพท์ไปหาเจ้าอาวาสวัดหนองเป็ดกา จังหวัดอุทัยธานีว่า มีความประสงค์จะถวายรถยนต์ และเครื่องมุกให้ทางวัด แต่วัดต้องโอนเงิน เพื่อเป็นค่าเดินทาง 2 หมื่นบาท
โดยให้โอนเงินไปที่นายสมคิด แก้วคำ ชาวจังหวัดศรีสะเกษ เมื่อเจ้าอาวาสโอนเงินให้ ก็หนีหาย พอไปตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ พบว่า มีชื่อตนเองเป็นเจ้าของเบอร์ ทั้งที่ตนเองไม่รู้กับนายสมคิด แต่อย่างใด
จึงอยากขอให้พนักงานสอบสวน เมตตา หาทางที่จะไม่ต้องให้ตนเอง เดินทางไปที่จังหวัดอุทัยธานี เพราะไม่มีเงินเพียงพอ เนื่องจากครอบครัวยากจน และทำไร่ทำสวนก็ขาดทุน อีกทั้งตนเองไม่ได้ทำผิดแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าว สอบถามกับนายอำนาจ โพธิ์สาวงษ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 12 บ้านช่องแคบ บอกว่า นางอารี ลูกบ้าน ไม่ได้มีพฤติกรรม ตามที่ตำรวจออกหมายเรียกแต่อย่างใด ช่วงที่บัตรประชาชนหาย นางอารีก็มาแจ้งให้ตนเองทราบ อีกทั้งนางอารี ยังหาเลี้ยงแม่และลูกๆด้วยตัวเอง หลังหย่าขาดจากสามีมานานแล้ว