ชายวัย 71 ปี ชาวบุรีรัมย์ ร้องเรียนสื่อถูกผู้รับเหมาสร้างฝาย ของกรมชลประทาน ตักหน้าดินในที่สวนไปใช้สร้างฝาย เสียหายกว่า 3 ไร่ ทั้งที่เป็นที่ดิน มีโฉนดชัดเจน ขณะที่หน่วยงานเกี่ยวข้อง เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแนวเขต เพื่อให้ความเป็นธรรม
นายบุญยืน มีพวงผล อายุ 71 ปี ชาวบ้านสมจิตร หมู่ 5 ตำบลโคกว่าน อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ พาผู้สื่อข่าว ดูโครงการสร้างฝ่ายป้องกันปัญหาน้ำท่วม ของกรมชลประทาน พร้อมนำหลักฐานโฉนดที่ดิน และ ใบแจ้งความ ร้องสื่อฯ ขอความเป็นธรรม ว่า ถูกสร้างรุกล้ำที่ดินที่ดินของตัวเองทั้งที่มีโฉนดชัดเจน
นายบุญยืน บอกว่า หลังกรมชลประทาน ได้รับงบประมาณตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง และ ปัญหาความยากจน ตามแผนโครงการระยะเร่งด่วน เพื่อการก่อสร้างฝายลำนางรอง และ ขุดลอกคูคลอง เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2560 ที่ผ่านมา แต่ผู้รับเหมา ได้ใช้เครื่องจักรขุดเอาดิน ในที่ดินสวนของตนเองไปใช้ประโยชน์ ทำให้สวนได้รับความเสียหายกว่า 3 ไร่ ตนเองพยายามคัดค้านไม่ให้ขุด พร้อมนำเอกสารชี้แจงว่าเป็นที่มีโฉนด ไม่ใช่ที่สาธารณะ แต่ผู้รับเหมาไม่ยอมฟัง ยังเดินหน้าขุดต่อเนื่อง
กระทั่ง ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ละหานทราย “ข้อหาลักทรัพย์และบุกรุก” พร้อมร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมอำเภอละหานทรายหลายครั้ง ให้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เรื่องก็ยังเงียบหาย ทั้งยังถูกเจ้าหน้าที่ชลประทาน ข่มขู่ว่า จะฟ้องกลับที่ขัดขวางการก่อสร้าง ทำให้งานล่าช้า
ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง นายพรเทพ วัชกีกุล นายอำเภอละหานทราย เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ปลัดอำเภอฝ่ายความเป็นธรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ ไม่ชัดเจนในแนวเขตจะต้องทำการรังวัดสอบเขตเพื่อยืนยันแนวเขตที่ชัดเจนอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่นายบุญยืน เคยทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น ขณะนี้สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ส่งหนังสือตอบกลับมา ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบ และ ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายแล้วเช่นกัน