รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับตัวผู้ต้องหาฆ่าฝังอำพราง "น้องพลอย" จากทหาร หลังหลบหนีคดีนาน 3 ปี โดยหลังสอบสวนเสร็จ เตรียมนำไปทำแผนที่จังหวัดสระบุรี
ทหารกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 คุมตัวนายพลกฤต วิเศษ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหาร หลังก่อเหตุฆาตกรรมนางสาวพลอยนรินทร์ ผลิผล หรือน้องพลอย และมีการซ่อนเร้น ย้ายหรือเผาทำลายศพ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2557 ในเขตพื้นที่จังหวัดสระบุรี
มาส่งมอบให้พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่กองบังคับการปราบปราบ หลังควบคุมตัวโดยใช้อำนาจทหารครบ 7 วัน
พลตำรวจเอกศรีวราห์ เปิดเผยว่า ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหานายพลกฤตไปแล้ว ทั้งหมด 4 ข้อหา คือ ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน / ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ / กักขังหน่วงเหนี่ยว และอำพรางศพ ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพทุกข้อกล่าวหา
ส่วนจะมีบุคคลอื่น เข้าร่วมการกระทำความผิดด้วยหรือไม่นั้น หากมีหลักฐานการกระทำความผิด ก็จะดำเนินการจับกุมเพิ่มเติม โดยผู้ต้องหา ระบุว่า ใช้เวลาในการก่อเหตุเพียง 1 วัน ส่วนสาเหตุที่มอบตัว เพราะโดนตำรวจกดดัน
สำหรับเรื่องคดีที่มีการปล่อยให้มีความล่าช้ามาถึง 3 ปี พลตำรวจเอกศรีวราห์ กล่าวว่า ไม่ใช่เป็นความล่าช้าของตำรวจ แต่เนื่องจากผู้ต้องหา มีการโยกย้ายแหล่งที่อยู่บ่อย ทำให้ติดตามตัวค่อนข้างยากลำบาก พร้อมกำชับกับตำรวจ กรณีที่มีการรับแจ้งคนหาย ให้เร่งดำเนินการทันที เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม
หลังจากนี้ พนักงานสอบสวนกองปราบ จะส่งตัวผู้ต้องหาไปให้ตำรวจภูธรหินซ้อน จังหวัดสระบุรี เพื่อฝากขังชั่วคราว ก่อนที่จะนำไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เริ่มจากจุดที่เผานั่งยาง จังหวัดสระบุรี ในเวลา 9 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
และจะให้ตำรวจภูธรท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาอายัดตัว เพื่อดำเนินคดี และทำแผนทั้งหมด ก่อนนำตัวไปฝากขัง ที่ศาลทหารมณฑลทหารบกที่ 18 จังหวัดสระบุรีต่อไป
ขณะที่วันนี้ นางพัชรี ปั่นทอง แม่ของน้องพลอย พร้อมด้วยนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ทนายความ ถือรูปของน้องพลอย เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อจะถามผู้ต้องหาว่า ทำไมถึงลงมือฆ่าน้องพลอย และลงมืออย่างเลือดเย็น เพราะหลังก่อเหตุเพียงหนึ่งวัน นายพลกฤต แกล้งโทรศัพท์มาสอบถามหาลูกสาว
โดยในวันนี้ นางพัชรี ได้สวมใส่ผ้าพันคอสีแดง ซึ่งเป็นตัวแทนของน้องพลอย เพราะเป็นผ้าพันคอที่น้องพลอยถักให้แม่ เป็นของขวัญ มาด้วย พร้อมยืนยันว่า จะไม่ยอมให้ผู้ต้องหาไปขอขมาศพ น้องพลอย เพราะจะได้เป็นตราบาปไปตลอดชีวิต แต่หากจะขอโทษให้มากราบขอขมาตนเองแทน และตนเองยังไม่ให้อภัย และเชื่อว่า ความยุติธรรมมีอยู่จริง