ผู้เสียหายรวม 14 คน เข้าร้องทุกข์ต่อตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ให้ช่วยตามจับสาวไทย ภรรยาชาวเกาหลี หลังหลอกเงินลงทุนเพื่อนำไปไปปล่อยกู้ต่อ สูญเงินรวม 300 ล้านบาท

นางจารุวรรณ สิทธิโชติ อายุ 37 ปี พร้อมผู้เสียหายรวมทั้งหมด 14 คน เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ พันตำรวจเอกสมชาย จันทร์คง ผู้กำกับการตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นางสาวณิชาภัทร กมลจิโรจนกุล อายุ 37 ปี หลังหลอกชักชวนให้ร่วมลงทุน เพื่อนำเงินไปปล่อยกู้ต่อ แต่สุดท้ายไม่ได้เงินคืน

นางจารุวรรณ เปิดเผยว่า ตนเองเคยทำงานที่ประเทศเกาหลี ต่อมาได้กลับมาประกอบอาชีพค้าขายในประเทศไทย และได้รู้จักกับ นางสาวณิชาภัทร จากคำแนะนำของเพื่อนให้รู้จักผ่านทางเฟซบุ๊ค ก่อนจะชักชวนให้ร่วมลงทุน เพื่อนำเงินไปปล่อยกู้ต่อให้กับคนไทยในประเทศเกาหลี ซึ่งเพื่อน บอกว่าได้ดอกเบี้ยดี

ตนเองจึงยอมเข้าไปในกลุ่มปิด โดยมี นางสาวณิชาภัทร เป็นผู้ดูแลและจ่ายเงินดอกจากการลงทุน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 บาท โดยช่วงเดือนสิงหาคม 2559 ตนเองจึง เริ่มลงทุนไปประมาณ 1แสนบาท ได้ดอกเบี้ยคืนจริง ประมาณ 2-3 งวด จึงเพิ่มเงินทุนเข้าไปอีก เป็นเงิน 6 ล้าน 5 แสนบาท กระทั่ง 4-5 เดือนก่อน ไม่ได้รับเงินดอกเบี้ย

เมื่อสอบถามไป นางสาวณิชาภัทร ก็พยายามบ่ายเบี่ยงตลอด กระทั่งสอบถามคนในกลุ่ม ก็ไม่ได้เงินค่าดอกเช่นกัน จึงรวมตัวมาแจ้งความ สำหรับ นางสาวณิชาภัทร มีบ้านพักอยู่ในจ.นนทบุรี แต่ส่วนมากจะเดินทางไป ประเทศเกาหลี เนื่องจากมีอาชีพนวดแผนไทย และสามีเป็นชาวเกาหลี

สำหรับกลุ่มปิดดังกล่าว มีสมาชิก 913 คน เป็นคนไทยอยู่ในประเทศไทย และ ทำงานอยู่ที่ประเทศเกาหลี จากการสอบถามก็ทราบว่ามีคนถูกหลอกเช่นนี้รวม 200 คน สูญเงินรวมกว่า 300 ล้านบาท ส่วน 14 คน ที่มาแจ้งความ เสียหายมูลค่ารวมกว่า 21 ล้านบาท

พันตำรวจเอกสมชาย ระบุว่า จะรับเรื่องไว้ก่อน สำหรับคดีไม่มีความซับซ้อน และจะทยอยเรียกผู้เสียหายเข้าสอบปากคำเพื่อมาให้ข้อมูล พฤติกรรมดังกล่าว เข้าข่ายความผิด "พ.ร.ก.กู้ยืมเงิน"หลังจากนี้ประสานผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำต่อไป

ผู้เสียหายร้อง ปอศ.ตามจับสาวไทยหลอกเงินร่วมลงทุน