ผลตรวจพิสูจน์คราบเลือด ที่เบาะรถเก๋ง ของ ผอ.อ้อย อบต.ชำ จังหวัดศรีสะเกษ ปราฎว่า ไม่ใช่รอยคราบเลือดแต่อย่างใด ด้าน พ่อติดใจ ทำไมไม่ส่งรถไปตรวจพิสูจน์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ยึดได้ อาจทำให้พยานหลักฐานบางอย่างสูญหายไป
ความคืบหน้าหลัง พนักงานสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ส่งรถเก๋ง โตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กษ 8201 เชียงใหม่ ของนางสาวจุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน (ผอ.อ้อย.) ผู้อำนวยการ กองการศึกษา อบต.ชำ ไปตรวจพิสูจน์ ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 จังหวัดนครราชสีมา หลังพบลักษณะเหมือนคราบเลือดที่เบาะรถ และ เจ้าหน้าที่ได้ส่งผลดีเอ็นเอที่พบในรถ กลับคืนมาให้พนักงานสอบสวนนำไปประกอบสำนวน เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม
โดย ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ภูธรจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์จากห้องแล็บ ออกมาว่า คราบที่เบาะรถดังกล่าว ไม่ใช่คราบเลือดแต่อย่างใด
ขณะที่ นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน พ่อ ผอ.อ้อย บอกว่า ไม่แปลกใจ ที่ผลการตรวจพิสูจน์คราบดังกล่าว จะออกมาว่า ไม่ใช่คราบเลือด แต่ที่ตนแปลกใจมากกว่าคือเหตุใดจึงไม่เร่งดำเนินการ ตรวจพิสูจน์รถตั้งยึดได้ตอนแรก จากอู่ซ่อมรถที่จังหวัดอุบลราชธานี กลับปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน จึงได้มาตรวจพิสูจน์ และ ระยะเวลาที่ผ่านมา อาจทำลายหลักฐานไปได้ ทั้งที่ีรถเป็นหนึ่งในวัตถุพยานสำคัญ ที่จะเชื่อมโยงคดีฆาตกรรมไปถึง "ผู้ก่องเหน่ง"
นายบญเลิศ บอกต่อว่า ตนเองได้ยินข่าวลือหนาหู ว่าบิ๊กสีกากีคนหนึ่ง เป็นพี่น้องร่วมรุ่น กับ " ผู้กองเหน่ง " เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ยังคงอยากให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ลงมาทำคดีนี้ด้วย เพราะว่าขณะนี้ คดียังคืบหน้าไปไม่มาก และยังไม่พบตัวลูกสาวตนเองอต่อย่างใด