ทนายความ "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เผย "น.ส.ยิ่งลักษณ์" ไม่อยู่ภายในบ้าน และยังไม่รู้ว่า "น.ส.ยิ่งลักษณ์" อยู่ที่ไหน ส่วนจะอุทธรณ์คดีจำนำข้าวหรือไม่ ขณะนี้ทีมกฎหมายยังไม่ได้หารือ เพราะต้องรอฟังคำพิพากษาก่อน
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีโครงการรับจำข้าว เปิดเผยกรณีที่นางสาว ยิ่งลักษณ์ ถูกออกหมายจับ หลังไม่มารายงานตัวต่อศาลในวันฟังคำพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าว เมื่อวันที่ 25ส.ค.ที่ผ่านมา กล่าวว่า หลังจากได้รับทราบคำสั่งศาลแล้ว ทีมทนายความได้เดินทางไปยังบ้านพัก นน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อจะไปรายงานให้ทราบว่าศาลมีคำสั่งอย่างไร เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป แต่เมื่อถึงบ้านพักไม่พบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และได้รับแจ้งจากคนในบ้านว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่อยู่บ้าน แต่ไม่มีใครทราบว่าไปไหน และไม่ได้รับการประสานอะไร ตนเองจึงเดินทางกลับ โดยขณะนี้ต้องรอการประสานจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก่อน
ส่วนกระแสข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางหลบหนีออกไปต่างประเทศนั้น ตนไม่ทราบเพราะยังไม่ได้รับการแจ้งเป็นทางการ ส่วนในวันที่ 27 ก.ย.60 ที่ศาลนัดอ่านคำพิากษาใหม่นั้น ทีมกฎหมายยังไม่ได้หารือว่า หากศาลมีคำพิพากษาแล้ว จะมีการอุทธรณ์คดี หรือไม่ อย่างไร เพราะประเด็นนี้ต้องรอผลของคำพิพากษาออกมาก่อน ซึ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย
ส่วนบรรยากาศที่บ้านพักในซอยโยธินพัฒนา 3 ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังมีสื่อมวลชนเดินทางมาสังเกตการณ์บริเวณบ้านพัก โดยมีตำรวจ สน.ลาดพร้าว พื้นที่รับผิดชอบอำนวยความสะดวกและดูแลความเรียบร้อยประจำจุดตรวจโยธินพัฒนาตามปกติ
ด้าน พลตำรวจตรี นันทชาติ ศุภมงคล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 (ผบก.น.4) กล่าวว่า วางกำลัง ตำรวจ สน.ลาดพร้าว ไว้รอบบ้าน เบื้องต้นยังไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ เจ้าหน้าที่ได้พูดคุยกับคนภายในบ้าน มีแม่บ้าน คนรับใช้ แต่ปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ทั้งนี้ จะต้องวางกำลังดูแลความเรียบร้อยไปอีกสักระยะหนึ่งจนกว่าสถานการณ์จะปกติ ส่วนการขอหมายเข้าตรวจค้นนั้น อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและรอฟังคำสั่งจากบัญชาโดยตรงอีกครั้งหนึ่ง
ด้านนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ไม่รู้สึกผิดหวังกับการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่ได้มาฟังคำพิพากษา ซึ่งตนพอคาดเดาได้ว่า สิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พยายามทำด้วยตัวเอง ตั้งแต่แรกจนวินาทีสุดท้าย คือการนำเสนอข้อเท็จจริงผ่านทุกช่องทางที่ถูกเรียกว่ากระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่การชี้แจงกับ ป.ป.ช. จากนั้นชี้แจงกับ สนช. ท้ายสุดคือการต่อสู้คดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จนสิ้นสุดด้วยการแถลงการณ์ด้วยวาจาด้วยตัวเอง
ตนถือว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ทำหน้าที่ในฐานะนักการเมืองที่มาจากประชาชนสมบูรณ์แล้ว ส่วนภารกิจการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยยังคงต้องเดินหน้าต่อไป ตนยังเชื่อมั่นตลอดเวลาว่า เผด็จการไม่มีทางชนะประชาชน วันนี้ขอส่งกำลังใจและความห่วงใยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จากนี้ไปท่านต้องส่งกำลังใจให้ตนบ้าง เพราะภารกิจการต่อสู้เพื่อนำหลักนิติธรรมและประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ให้กับประชาชนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง "โชคดีครับท่านนายก"
หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีคดีไปต่างต่างประเทศ เพื่อไปพบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งเป็นพี่ชายนั้น แม้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรออกมา
แต่ล่าสุด หลานสาวอย่าง นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง ลูกสาวของนายทักษิณ ได้โพสต์ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ระบุว่า "Some People Are Going To Love You NO Matter What You Do And Some People Will Never Love You No Matter What You Do(แปลเป็นไทยว่า บางคนเลือกที่จะรักคุณ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม แต่บางคนจะไม่รักคุณเลย ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม) พร้อมกับแคปชั่นว่า “But I love you no matter what” (แต่ฉันรักคุณไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม) ขอบคุณทุกกำลังใจจากใจค่ะ”
ขณะที่นางพินทองทา คุณากรวงศ์ บุตรสาวของนายทักษิณ ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ว่า"ตรงจากพม่า ขอบคุณนะคะ มีแต่กำลังใจและหวังดีให้กันเสมอ...#ซึ้งเพื่อนๆ และทุกๆ กำลังใจค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ" ซึ่งพบว่ามีคนเข้ามากดไลค์ และให้กำลังใจครอบครัวชินวัตรเป็นจำนวนมาก"
ขณะเดียวกัน วานนี้ ในโลกออนไลน์ได้มีการส่งต่อภาพนายทักษิณ โผเข้ากอดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในสถานที่แห่งหนึ่งเป็นจำนวนมาก โดยมีการระบุว่าเป็นภาพที่ท่าอากาศยานสิงคโปร์ ทำให้หลายคนเข้าใจว่า เป็นภาพที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้น จากการตรวจสอบพบว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพเก่าเมื่อปี 2557 ที่มีคนนำมาแชร์ใหม่ในสังคมออนไลน์
ข้อเท็จจริงคือ ภาพดังกล่าวเป็นภาพที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2557 โดยขณะนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ทำหนังสือขออนุญาต คสช. เดินทางไปยังกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเข้าร่วมงานวันคล้ายวันเกิด 26 ก.ค.ของนายทักษิณ ซึ่งภาพดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่โดย นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ
ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศ ต่างพร้อมใจกันรายงานความเคลื่อนไหวรายละเอียดเส้นทางหลบหนีออกนอกประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยอ้างแหล่งข่าวระดับสูงจากฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลไทยว่า นางสาวยิ่งลักษณ์เดินทางออกจากไทยเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยใช้เส้นทางจากไทยไปยังกัมพูชา และบินผ่านสิงคโปร์ไปพบกับนายทักษิณ พี่ชาย ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางไปถึงดูไบแล้ว
พร้อมระบุว่า นายทักษิณได้เตรียมแผนการหลบหนีดังกล่าวให้กับน้องสาวมานานแล้ว เพราะเขายอมไม่ได้ที่จะให้น้องสาวต้องติดคุกแม้แต่เพียงวันเดียว โดยเมืองดูไบไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่เป้าหมายสุดท้าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ น่าจะขอสถานะผู้ลี้ภัยในประเทศอังกฤษ
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวจากแหล่งข่าวใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุตรงกับสำนักข่าวต่างประเทศว่า ปลายทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในการลี้ภัยน่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เพราะนายทักษิณ พี่ชาย มีบ้านพักและใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่ประเทศอังกฤษ รวมทั้งอาจเตรียมสถานที่ศึกษาต่อให้กับ นายศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือ น้องไปป์ บุตรชาย คาดว่า ในอนาคต น้องไปป์ จะเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ และอาศัยอยู่ที่อังกฤษกับนางสาวยิ่งลักษณ์
นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวว่า มีผู้พบเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายทักษิณ ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.60 ที่ผ่านมา ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินทางไปยังดูไบ
อย่างไรก็ตามข่าวทั้งหมด ยังคงเป็นเพียงกระแสข่าว เพราะยังไม่มีใครออกมายืนยันเรื่องดังกล่าว และยังไม่มีหลักฐานใดๆว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางหลบหนีคดีออกไปยังต่างประเทศจริงหรือไม่ เพราะขณะนี้ยังไม่มีใครสามารถติดต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้โดยตรง