นายกรัฐมนตรีเดินทางไป 2 จังหวัดในวันเดียว คือ ไปเป็นประธานวันสถาปนากรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) จ.ชลบุรี และลงพื้นที่ไปตรวจราชการ ที่ จ.สระแก้ว พร้อมให้สัมภาษณ์ ยอมรับคาดไม่ถึง "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" จะหลบหนีออกนอกประเทศ
ช่วงเช้าวานนี้ (28 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปที่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) จ.ชลบุรี เป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันสถาปนา ร.21 รอ. ครบรอบ 67 ปี ซึ่งถือเป็นการกลับบ้านเก่าของนายกฯ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เคยเป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ แห่งนี้มาก่อน
โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และอดีตผู้บังคับบัญชา เข้าร่วมงานจำนวนมาก แต่ปีนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและไม่ได้เดินทางมาร่วมงานด้วย เพราะติดภารกิจประชุมสภากลาโหมที่กระทรวงกลาโหม
พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาล และ คสช. สมยอมให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีออกนอกประเทศว่า ไม่มีใครบ้าทำอะไร แบบนั้นหรอก แต่ที่ผ่านมา ทุกอย่างยังไม่เข้าสู่กระบวนการดำเนินคดี จึงยากที่เจ้าหน้าที่จะติดตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปทุกที่ เพราะรัฐบาลก็ต้องให้เกียรติ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องกลับมาดูว่าจะทำอย่างไร ไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีก
ซึ่งตอนแรก เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนก็ยังคิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางมาฟังคำพิพากษาตามที่ศาลนัดหมาย ขณะนี้ตนกำลังให้ฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีออกนอกประเทศจริงหรือไม่
จากนั้น ช่วงเที่ยง นายกฯ เดินทางไปตรวจราชการจังหวัดสระแก้ว เพื่อเป็นประธานประชุมติดตามความก้าวหน้าในการพัฒนาจังหวัดสระแก้วให้เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ รวมถึงการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว และการแก้ปัญหาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ที่โรงแรมอินโดจีน อำเภออรัญประเทศ โดยมี ผู้บริหารส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
นายกฯกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประชาสัมพันธ์ให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนให้มากขึ้น รวมทั้งให้เตรียมความพร้อมรองรับการลงทุนในทุกๆ ด้าน ส่วนผู้ประกอบการและแรงงานต่างด้าว ต้องขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะถ้าหมดระยะผ่อนผันแล้ว จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และจะไม่มีการผ่อนผันอีก ยืนยันว่าไม่ต้องการรังแกใคร แต่ต้องการเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องตามหลักสากล
จากนั้นเวลา 13.30 น. นายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังสหกรณ์ปฏิรูปที่ดินอำเภอโคกสูง จำกัด เพื่อมอบหนังสืออนุญาตให้สถาบันเกษตรกรเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ตามโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล พร้อมพบปะพูดคุยกับประชาชนที่มารอให้การต้อนรับ
ซึ่งนายกฯ ได้เยี่ยมชมบ้านต้นแบบที่อยู่อาศัย ณ สหกรณ์ปฏิรูปที่ดินอำเภอโคกสูงด้วย ระหว่างการลงพื้นที่ นายกรัฐมนตรีโชว์ลีลาทำไข่เจียวโหระพาด้วย พร้อมบอกกับสื่อมวลชนว่า "ถ้าทำไข่เจียวไม่สวย ไม่ใช่ว่า นายกฯทอดไข่ไม่เป็น แต่เป็นเพราะว่า ไฟยังไม่ร้อน เพราะรอให้ไฟร้อนไม่ได้ ต้องรีบไปจุดอื่นต่อ" เมื่อนายกฯ ได้นำไข่ลงทอดในกระทะก็ไม่ได้รอให้ไข่สุก และรีบเดินไปจุดอื่นต่อไป
จากนั้นนายกฯ เดินทางไปเยี่ยมชมการเลี้ยงวัวในโครงการโคบาลบูรพา พร้อมกับพูดคุยกับวัวตัวหนึ่ง ซึ่งกำลังจะคลอดลูก โดยตั้งชื่อวัวว่าชื่อ"สูงยิ่ง" เพราะมาจากชื่ออำเภอโคกสูง และเพื่อให้มีความเจริญรุ่งเรือง สูงยิ่ง รวยยิ่ง
หลังเสร็จสิ้นภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาศาลกรณีรับจำนำข้าวว่า คดีเป็นเรื่องของศาลและกระบวนการยุติธรรม เป็นเรื่องของคนๆเดียวและคนไม่กี่คน ขณะนี้กำลังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีออกทางเส้นทางใด ส่วนวันที่ 27 ก.ย.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางมาฟังคำพิพากษาหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องตัดสินใจเอง
นายกฯ ยังยืนยันไม่มีการไป ซูเอี๋ย หรือ สมยอมกับใคร เพื่อปล่อยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีออกนอกประเทศ เพราะไม่ว่า คดีไหน หรือ กับใคร ตนก็ซูเอี๋ยไม่ได้ทั้งนั้น พร้อมยอมรับว่า ฝ่ายความมั่นคงทำงานบกพร่องที่ปล่อยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนี และตนไม่ขอปฏิเสธความรับผิดชอบ แต่ต้องดูด้วยว่า ประเทศไทยมีเส้นทางรอบประเทศที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านถึง 5,000 กิโลเมตร กำลังเจ้าหน้าที่จึงอาจไม่เพียงพอในทุกพื้นที่
นายกฯ ยังกล่าวถึงการเพิกถอนพาสปอร์ต น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ โดยตนเข้าใจว่า ขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่มีความผิดเรื่องหนีคดี แต่เป็นการหนีศาล เพราะไม่ได้เดินทางมาฟังคำตัดสินของศาล
ขณะเดียวกันไม่กังวลว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ และขอให้สื่ออย่าขยายข่าวคนนอกประเทศที่กล่าวโจมตีประเทศ เพราะประเทศไทยร้อน และเหนื่อยกันมากพอแล้ว จากนั้นในช่วงเย็น นายกฯจึงเดินทางกลับกรุงเทพ