ทนายความ "นายบุญทรง เตริยาภิรมย์" เดินทางเข้าเยี่ยม "นายบุญทรง" หลังเรือนกลางคลองเปรม เปิดโอกาสให้เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังได้เป็นวันแรก พร้อมเผย "นายบุญทรง" มีปัญหาสุขสภาพและมีความเครียด จนนอนไม่หลับ เตรียมเร่งยื่นขอประกันตัวภายในวันนี้ (29 ส.ค.)
นายนรินทร์ สมนึก ทนายความ เดินทางเข้าเยี่ยม นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ต้องขังคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่เรือนจำคลองเปรม หลังถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งให้จำคุก 42 ปี ซึ่งเมื่อวานนี้ (28 ส.ค.) เป็นวันแรกที่บรรดาญาติ และ ทนายความของผู้ต้องขัง ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังภายในเรือนจำ
หลังจากใช้เวลาเยี่ยมนานกว่า 1 ชั่วโมง นายนรินทร์ เปิดเผยว่า นายบุญทรง มีอาการเครียดมาก หลังจากถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำตั้งแต่วันศุกร์ที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ต้องเข้าสถานพยาบาลของเรือนจำแล้วถึง 2 ครั้ง ในคืนวันเสาร์ และอาทิตย์
เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ และยังไม่สามารถปรับตัวได้ ทำให้นอนไม่หลับและกินไม่ได้ สำหรับเหตุผลในการยื่นประกันมีหลายประเด็น รวมถึงประเด็นสุขภาพด้วย ทั้งนี้ ขึ้นกับดุลพินิจของศาล นอกจากนี้ ได้คุยกับผู้ต้องขังรายอื่นในคดีเดียวกันด้วย ทั้งหมดมีอาการเครียด และมีความต้องการให้รีบประกันตัวให้เร็วที่สุด คาดว่า จะยื่นประกันตัวต่อศาลฎีกาฯเป็นครั้งที่ 2 ภายในวันนี้ (29 ส.ค.)
นายนรินทร์กล่าวต่อว่า ส่วนการอุทธรณ์คดีจะเร่งพิจารณาคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์ว่าจะยื่นในประเด็นใดได้บ้าง สำหรับการยื่นขอทุเลาการยึดทรัพย์ ล่าสุดศาลปกครองยกคำร้องขอทุเลาไปแล้ว ขณะนี้บัญชีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยึดไปมี 2 บัญชี
อาจกระทบต่อหลักทรัพย์ในการยื่นประกัน ซึ่งกำลังพิจารณาว่าจะใช้หลักทรัพย์จากบัญชีอื่นเพื่อยื่นประกันตัวต่อไป
ด้าน นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม ว่า นายบุญทรง และผู้ต้องขังคนอื่นๆ ในคดีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี มีความเป็นอยู่ ตามปกติ ไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพหรือเจ็บป่วยหนักและไม่ได้มีความเครียดจัดตามที่เป็นข่าว
แต่เป็นเพียงความเครียดปกติของผู้ต้องขังเข้าใหม่ ส่วนการเยี่ยมญาติเหมือนผู้ต้องขังอื่นทั่วไป คือเยี่ยมได้วันละ 1 รอบ โดยผู้ต้องขังแดนแรกรับกำหนดให้เยี่ยมสัปดาห์ละ 2 วัน คือ วันอังคารกับวันศุกร์เยี่ยมได้รอบละไม่เกิน 30 นาที ส่วนทนายความสามารถติดต่อเข้าพบลูกความเพื่อปรึกษาคดีได้ทุกวัน
ขณะที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าว่า กรณีของนายบุญทรง และผู้ต้องขังคดีระบายข้าวแบบจีทูจี สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาฯ ได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีคำพิพากษา ตามที่รัฐธรรมนูญใหม่ระบุ โดยไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานใหม่หรือข้อกฎหมายใหม่
นายมีขัย ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่านายบุญทรง ยังมีข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถพูดได้นั้นว่า ส่วนตัวอยากแนะนำว่า หากนายบุญทรงรักชีวิตก็ต้องนำหลักฐานมาสู้คดี ไม่ต้องกังวลว่า จะกระทบใคร เว้นแต่คิดว่า ยอมตายแทนกันได้ก็ไม่ต้องสู้
ส่วน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) กล่าวว่า การที่นายบุญทรงและพวก ยอมรับกระบวนการยุติธรรมมารับฟังคำพิพากษา และถูกตัดสินลงโทษจำคุก ถือเป็นเรื่องน่านับถือ แต่น่าเสียดายที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ หลบหนี จึงเป็นห่วงว่าสังคมไทยส่วนใหญ่จะคิดว่าคุกมีไว้ขังคนจนเท่านั้น
แม้นางสาวยิ่งลักษณ์ จะหลบหนีออกนอกประเทศ แต่ส่วนตัวยังเชื่อว่าเครือข่ายของระบอบทักษิณ ยังมีนอมินิสามารถขับเคลื่อนทางการเมืองได้ เพราะในอดีต แม้นายทักษิณจะหลบหนีคดีไปแล้ว ก็ยังมีตัวแทนขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้