ตำรวจเตรียมนำตัว "น้ำมนต์" สาวแสบหลอกแต่งงานเชิดสินสอด มาแถลงข่าวในวันนี้ (8 ก.ย.) หลังจับกุมได้ที่จังหวัดนครปฐม ส่วนเจ้าของชื่อที่ถูกแอบอ้าง ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจไม่เกี่ยวข้อง ด้าน ทนายสงกรานต์ พาผู้เสียหายบางส่วนร้อง ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงินเอาผิดด้วย
"ทนายสงกรานต์" ร้อง ปปง.ยึดทรัพย์ "น้ำมนต์" เชื่อทำเป็นขบวนการ
นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ ในฐานะ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นำผู้เสียหายและญาติ 4 คน จาก 13 คน ที่โดนนางสาวจริยาภรณ์ บัวใหญ่ หรือ น้ำมนต์ หรือ พร อายุ 32 ปี หลอกแต่งงานและเชิดสินสอดหลบหนี เข้ายื่นคำร้องทุกข์ต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง.) ให้อายัดและยึดทรัพย์สินของนางสาวจริยาภรณ์ กับพวกรวม 4 คนไว้ตรวจสอบ
ทนายสงกานต์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบ นางสาวจริยาภรณ์ หรือ น้ำมนต์ ใช้บัญชีธนาคาร ชื่อ นางสาว สร้อยเพ็ชร พาลีวัลย์ หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินสินสอดมาให้โดยตลอด และ ในการ์ดแต่งงาน ทั้งพ่อและแม่ ยังใช้นามสกุล พาลีวัลย์ และ ทราบว่า เจ้าของชื่อตัวจริงออกมาแสดงตัวแล้ว เชื่อว่า อาจมีความเกี่ยวข้องกันด้วย จึงอยากให้ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงิน หาผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์
จากข้อมูลในทางลับ พบมีผู้ที่โดนหลอก แจ้งเบาะแสเข้ามาเรื่อยๆ เชื่อว่า ไม่ใช่แค่ 13 คน แต่น่าจะมีมากกว่า 20 คน ขณะนี้แจ้งความดำเนินคดี นางสาวจริยาภรณ์ รวม 9 คดี และพบว่า ยังมีหมายจับฉ้อโกงรวมอีกกว่า 30 คดี และเรื่องแดง ขึ้นมาได้ เพราะน้องผู้เสียหายเอะใจ เอาชื่อไปตรวจดวงให้พี่ชายว่าเป็นเนื้อคู่หรือไม่
ขณะที่ ผู้เสียหายส่วนใหญ่ บอกว่า รู้จักกับผู้ต้องหาทางเฟซบุ๊ก และ ถูกชวนร่วมลงทุนทำธุรกิจขายผลไม้และทำสวนเกษตร เมื่อตกลงแต่งงานกัน ได้โอนค่าสินสอดให้ เพื่อไปสมทบกับเงินของฝ่ายหญิง แล้วก็ถูกเชิดเงินหนีไปดังกล่าว
ขณะที่ ปปง. ได้รับเรื่องไว้เพื่อตรวจสอบ หากเห็นว่า มีการกระทำผิดเกี่ยวกับกฎหมายฟอกเงิน ก็จะประสานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
เจ้าของชื่อถูกแอบอ้าง เข้าแสดงความบริสุทธิ์ใจ ยืนยันไม่เกี่ยวข้อง
ขณะที่ช่วงเย็นวันเดียวกันนั้น ( 7 ก.ย.) นางสาวสร้อยเพชร พาลีวัลย์ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังถูกนางสาวจริยาภรณ์ ลูกพี่ลูกน้อง นำชื่อไปแอบอ้างเปิดบัญชีธนาคารหลอกลวงผู้อื่น
นางสาวสร้อยเพชร ปฎิเสธว่า ไม่รู้เห็น การกระทำผิดของนางสาวจริยาภรณ์ แต่อย่างใด และ เพิ่งทราบข่าวจากญาติมาบอกว่า มีข่าวไปหลอกชายหนุ่มแต่งงาน จนแม่โทรหาว่า ตำรวจมาพบที่บ้าน จึงไปดูข่าวย้อนหลัง เห็นบัตรประชาชนของตนเองปรากฎออกมา จึงตกใจอย่างมากและรีบเดินทางมาพบตำรวจ
พร้อมบอกว่า ที่ผ่านมา ขาดการติดต่อกับ นางสาวจริยาภรณ์ ไปนานแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ ประมาณปี 55 หรือ 56 เคยถูกยืมบัตรประชาชนไปใช้สมัครงาน และไม่ได้คืน จึงไปแจ้งทำใหม่ ไม่คิดว่าจะถูกเอาไปทำการหลอกลวงเช่นนี้ อีกทั้งบัญชีที่เปิดชื่อตนเอง ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะบัญชีดังกล่าวกับบัญชีของตัวเองจริงๆ คนละเล่มกัน
ขณะที่ พันตำรวจเอกอรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผู้กำกับการ2 กองบังคับการปราบปราม บอกว่า พนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำไว้ในฐานะพยาน จากนี้ จะส่งเรื่องให้กับสถานีตำรวจต่างๆ ที่ผู้เสียหายได้แจ้งความ นางสาวจริยาภรณ์ ไว้
ส่วนจะเจ้งข้อหาร่วมกันกับ นางสาวสร้อยเพ็ชร หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนท้องที่นั้นๆ หรือ อาจจะกันไว้เป็นพยานก็ได้
พ่อแม่ "น้ำมนต์" ยังปิดบ้านหลบหน้า ไม่เข้าพบตำรวจ
ส่วนพ่อแม่ของนางสาวจริยาภรณ์ ที่ก่อนหน้านี้ประสานขอเข้ามอบตัวผ่านสื่อ พร้อมยืนยันว่า ไม่มีส่วนร่วมรู้เห็นกับลูก ล่าสุดทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านพัก ก็ไม่พบตัวแล้ว
โดยพี่สาวของ นางสาวจริยาภรณ์ บอกว่า พ่อแม่จะไม่เข้าพบตามที่นัดหมาย และ ตอนนี้ไม่สามารถติดต่อได้และตั้งแต่เกิดเรื่องมา ครอบครัวตนเองลำบากมาก
กองปราบจับ "น้ำมนต์" ได้ที่จ.นครปฐม เตรียมแถลงข่าววันนี้
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ช่วงเวลาประมาณ 20 นาฬิกาที่ผ่านมา ( 7 ก.ย.) ตำรวจกองปราบ ได้เข้าจับกุมตัว นางสาวจริยาภรณ์ ได้ที่ ตำบลกระทุ่มล้ม อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ขณะอยู่กับแฟนหนุ่มคนใหม่ ซึ่งเป็นการจับกุมตามหมายจับคดีค้างเก่า ข้อหา ฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ ในพื้นที่ 5 จังหวัด
โดยในเวลา 11.00 น. วันนี้ ( 8 ก.ย.) พลตำรวจโทฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จะเดินทางมาแถลงข่าวผลการจับกุมด้วยตัวเอง เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
และช่วงค่ำที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบ ยังได้นำรถยนต์ของกลาง ที่ถูกนางสาวจริยาภรณ์ หลอกลวงจากชายหนุ่มไปมาเตรียมไว้ ในการแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย