"นายพรเพชร วิชิตชลชัย" คาดการณ์ อาจมีการเลือกตั้งในช่วงปลายปี 2561 หลังจากจัดทำกฎหมายลูกเสร็จสิ้นตามกระบวนการ ด้าน "นายมีชัย ฤชุพันธุ์" ระบุ ยังชี้ชัดวันเลือกตั้งไม่ได้ เพราะต้องรอให้กฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับ เสร็จสิ้นก่อน
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณากฎหมายลูกว่า การพิจารณากฎหมายลูกยังคงเดินหน้าไปตามโรดแมปที่วางไว้ สามารถพิจารณาไปแล้วมากกว่าครึ่งหนึ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ส่วนร่างกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)นั้น ทางคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ได้พิจารณา 6 ประเด็นข้อโต้แย้งเกือบครบถ้วนหมดแล้ว คาดว่าจะนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ สนช.ได้เร็วๆ นี้
หากกฎหมายลูกเสร็จสิ้นตามกระบวนการ คาดว่า การเลือกตั้งอาจจะเลยช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2561 ตามที่กกต.ระบุเล็กน้อย คือ น่าจะมีการเลือกตั้งช่วงปลายปี 2561 คือ ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม ซึ่งยังกำหนดชัดเจนไม่ได้ เป็นเพียงการประมาณการ เพราะกำหนดเวลาที่ชัดเจนคือกำหนดเวลาการพิจารณากฎหมายลูกของ สนช.
ด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีที่นายพรเพชร ระบุวันเลือกตั้งอาจเกิดขึ้นปลายปี 2561 ว่า การกำหนดวันเลือกตั้งจะชัดเจน ต่อเมื่อกฎหมายลูกเกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้งตัวสุดท้ายประกาศใช้บังคับ(กฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งมี 4 ฉบับ) แต่ระหว่างการพิจารณาของกฎหมายลูกก็มีกระบวนการต่างๆ เช่น อาจจะมีฝ่ายที่ทำความเห็นแย้งขอตั้งกรรมาธิการร่วม หรือ อาจจะมีใครไปร้องศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความกฎหมายลูกอีก ขณะนี้จึงเป็นเพียงการพูดกันไปล่วงหน้าเท่านั้น
ส่วนการจัดทำกฎหมายลูกของ กรธ.อยู่ระหว่างการจัดทำกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จากนั้น จะพิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ก่อนส่งให้ สนช.พิจารณา ก่อนครบกำหนด 240 วัน ประมาณ 2-3 วัน
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตร ได้เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อประชุมร่วมกับประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศทั้ง 13 คณะ เป็นครั้งที่ 2
หลังการประชุม นายวิษณุ เปิดเผยว่า ที่ประชุมรับทราบและเห็นชอบร่างระเบียบ 2 ฉบับ ได้แก่ ระเบียบที่เกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการคณะต่างๆ ที่จะต้องแยกย้ายกันไปดำเนินการตามคณะนั้นๆ และระเบียบที่เกี่ยวกับหลักเกณฑ์วิธีการในการยกร่างแผนปฏิรูปการรับฟังความคิดเห็น
ซึ่งการยกร่างแผนปฏิรูป 13 ด้าน ต้องยกร่างแรกให้เสร็จภายใน 90 วัน หรือในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อนำไปรับฟังความคิดเห็นและเสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ รวมทั้งปรับแก้ไข เพื่อให้พร้อมประกาศใช้ภายใน 8 เดือน หรือเดือนเมษายน 2561 ซึ่งหน่วยราชการจะต้องปฏิบัติตาม หากข้าราชการไม่ปฏิบัติตามแผนปฏิรูปจะใช้วิธีการแนะนำ
แต่หากยังจงใจไม่ทำตามก็จะมีมาตรการทางปกครอง เช่น อาจมีการโยกย้ายออกจากตำแหน่ง หรือ อาจใช้มาตรการรุนแรงไปถึงขั้นใช้กฎหมาย