ชาวเกาะแรด จังหวัดพังงา ยืนยันไม่เคยเกิดเหตุรุมโทรมหญิง เมื่อ 30 ปีก่อนตามที่พี่สาวของพ่อเลี้ยงเด็กหญิง 14 ปีให้ข้อมูลกับสื่อช่องหนึ่ง

บรรยากาศภายในหมู่บ้านเกาะแรด อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา หลังคนในหมู่บ้าน 8 คน ถูกจับคดีรุมโทรมเด็กหญิงวัย 14 ปี จากที่เด็กหญิงให้ข้อมูลว่า มีกว่า 40 คน

ล่าสุด พี่สาวของพ่อเลี้ยงเด็กหญิงที่ถูกรุมโทรม ออกมาให้ข้อมูลกับสื่อช่องหนึ่งว่า เหตุรุมโทรมลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของหมู่บ้าน แต่เคยเกิดเมื่อ 30 ปีก่อน กับเพื่อนที่ไปร่วมงานแต่ง ที่ถูกวัยรุ่น 5-6 คน รุมโทรม แต่เหตุการณ์ถูกปิดเป็นความลับ เพราะเกรงจะทำให้หมู่บ้านเสียชื่อเสียง

ส่วนสาเหตุที่กล้าเปิดเผย เพราะต้องการให้ชาวบ้านเกาะแรด ยอมรับความจริง เพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย และอ้างว่า ครั้งหนึ่งลูกสาวตนเอง ก็เคยถูกวัยรุ่นในหมู่บ้านทำอนาจาร เมื่อตอนอายุ 18 ปี

ด้านชาวบ้านเกาะแรดคนหนึ่ง ออกมาปฏิเสธว่า เหตุการณ์เมื่อ 30 ปีก่อน ไม่ใช่เป็นการรุมโทรม แต่หญิงคนดังกล่าว ชอบพอมีแฟน และได้แอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง จนพ่อแม่ฝ่ายหญิงทราบเรื่อง จึงแจ้งความ

แต่หลังจากนั้น ได้มีการตกลงแต่งงานกัน พร้อมระบุว่า ข้อมูลที่ออกไปทำให้ชาวบ้านรู้สึกเสียขวัญมาก จนไม่กล้าให้ข่าวกับสื่อ หรือบุคคลที่แฝงตัวเข้ามาในหมู่บ้านแล้ว

ขณะที่พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกับสื่อช่องหนึ่งถึงความคืบหน้าในคดีที่เด็กหญิงวัย 14 ปี อ้างว่า ถูกชายฉกรรจ์หลายสิบคน รุมข่มขืนในพื้นที่เกาะแรด จังหวัดพังงาว่า

ล่าสุด หลังศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 8 คน และได้รับการประกันตัวไปบางส่วน ถึงแม้เจ้าตัวจะให้การปฎิเสธ แต่ตำรวจยืนยันว่า มีหลักฐานที่จะเอาผิด เพราะตัวของผู้เสียหายหาย ยืนยันว่าจดจำใบหน้าได้อย่างชัดเจน และมีหลักฐานอื่นประกอบในการดำเนินคดี

ขณะที่การพิสูจน์ทราบจำนวนบุคคลที่ร่วมกันข่มขืน ตามคำให้การของเด็กหญิงว่า มีจำนวนกว่า 40 คนนั้น ตำรวจไม่สามารถเชื่อถือได้ เพราะเป็นคำกล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอย ที่ไม่มีพยานหลักฐาน

เพราะในการขอศาลออกหมายจับ ต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนและเพียงพอ แต่หากไม่มีพยานหรือหลักฐานใด ก็ยากที่ศาลจะออกหมายจับให้ ยืนยันว่า ขณะนี้พยานหลักฐานที่ชัดเจนในการเอาผิดกับผู้ต้องหาในคดีนี้ เบื้องต้นมีเพียง 8 คนเท่านั้น

พร้อมทั้งสั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา ลงไปชี้แจงและพูดคุยกับชาวบ้าน ที่อาจจะยังไม่เข้าใจการทำงานของตำรวจว่า ไม่ได้ทำไปตามกระแสของสังคม และมีพยานหลักฐานแน่นหนา พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย