กองปราบยอมรับยังไม่ชัดเจนความผิดฐานฟอกเงิน ต้องรอ ปปง.พิจารณาเข้าแจ้งความ เช่นเดียวกับพ่อและแม่ของน้ำมนต์ที่ต้องรอหลักฐานชี้ชัด ล่าสุด ยังมีผู้เสียหายอีกกลุ่มที่ถูกหลอกแต่งงาน เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจกองปราบปราม เพิ่มอีก 3 คน
นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นำผู้เสียหายอีกกลุ่ม ที่ถูกนางสาวจริยาภรณ์ บัวใหญ่ หรือ น้ำมนต์ หรือ น้องพร หญิงสาวที่ก่อเหตุหลอกลวงผู้ชายไปแต่งงาน ก่อนจะหอบสินสอดหลบหนี เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจกองปราบปรามในฐานะพยานเพิ่มเติม
โดยหนึ่งในผู้เสียหายเป็นชาย เล่าว่า เคยคบหากับน้ำมนต์ จนถึงขั้นโอนค่าสินสอดให้ แต่ยังไม่มีพิธีแต่งงาน เนื่องจากฝ่ายหญิงไปแต่งงานกับคนอื่นก่อน ซึ่งเมื่อชายคนนี้ ทวงถามเรียกค่าสินสอดคืน จำนวน 2 แสน 5 หมื่นบาท และทองคำอีก 3 บาท ก็ไม่สามารถติดต่อน้ำมนต์ได้อีก จึงรู้ตัวว่า ถูกหลอก
ส่วนผู้เสียหายอีก 2 คน เป็นหญิงที่เคยถูกน้ำมนต์ เรียกรับเงินเพื่อให้ฝากเข้าทำงาน ในองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่ง คนละ 1 แสนบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้เสียหายเคยแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.นาแห้ว จังหวัดเลย กระทั่งคดีเข้าสู่ชั้นศาล แต่นางสาวน้ำมนต์ไม่ไปตามนัดศาล จึงถูกออกหมายจับในปี 2556 ซึ่งทนายสงกานต์ เชื่อว่า น่าจะเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้นางสาวจริยาภรณ์ เปลี่ยนไปใช้ชื่อสร้อยเพชร
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนางสาวจริยาภรณ์ ตำรวจกองปราบปราม ได้รับคำร้องไว้แล้วหลายราย ส่วนจะดำเนินคดีกับพ่อแม่ของน้ำมนต์หรือไม่ ต้องพิสูจน์พฤติการณ์ในคดีว่า เจตนาหรือไม่ ส่วนความผิดฟอกเงิน ต้องรอให้ ปปง. เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน ก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหานี้กับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับสาเหตุที่ยังไม่มีการติดตามตัวพ่อและแม่ของ น.ส.จริยาภรณ์ มาสอบปากคำนั้น เป็นเพราะพนักงานสอบสวน ยังไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ ที่จะพิจารณาออกหมายเรียกทั้งสองมาสอบสวน โดยจะต้องทำอย่างรัดกุม และพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้ จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีญาติของน้ำมนต์ มาขอยื่นประตัวแต่อย่างใด ส่วนการขออายัดตัวนั้น มี สภ.ท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ทำหน้งสือแจ้งอายัดตัวในคดีฉ้อโกงไว้ ส่วน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ได้มีการแจ้งความไว้ 3 คดี ได้แก่ คดีฉ้อโกง จำนวน 2 คดี และคดีลักทรัพย์ จำนวน 1 คดี