ตัวแทนกรมสรรพากร แจ้งความเอาผิดบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต เพิ่มอีกคดี หลังตรวจพบหลบเลี่ยงภาษี 6 ปี รวมเป็นเงินกว่า 7,000 ล้านบาท และเตรียมส่งให้ ปปง. ดำเนินคดีข้อหาฟอกเงิน ด้านหัวหน้าชุดคณะสืบสวนสอบสวน ยืนยัน ที่ผ่านมา ทำตามหน้าที่ มีมาตรฐาน และไม่มีใครแทรกแซง
พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ แถลงผลการติดตามดำเนินคดีกับ บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ในคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ หลังจากศาลยกฟ้องในครั้งแรก โดยบอกว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่างตั้งพนักงานอัยการ เพื่อรวบรวมเอกสาร และสรุปว่า จะมีการยื่นอุทธรณ์ในคดีนี้ อีกหรือไม่
พร้อมยืนยันว่า พนักงานสอบสวนทำคดีนี้เต็มที่ โดยปราศจากการแทรกแซง ทั้งยังรวบรวมพยานหลักฐาน และส่งเอกสารครบถ้วน เป็นไปตามที่พนักงานอัยการเห็นพ้อง และมีการส่งฟ้องในครั้งแรก
ทั้งนี้ ตัวแทนกรมสรรพากร ได้เข้าพบหัวหน้าพนักงานสอบสวน เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้บริหารบริษัทโอเอ ทรานสปอร์ต ในข้อหาหลบเลี่ยงภาษี เป็นเงินกว่า 7,000 ล้านบาท หลังตรวจสอบย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2554-2559 หากพบว่า ทำความผิดจริง ทางคณะกรรมการปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ก็จะดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงินด้วย
ด้านนายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการกองคดี 1 สำนักงาน ปปง. กล่าวว่า ทาง ปปง.จะดำเนินการตรวจสอบ และเอาผิดบริษัททัวร์ ก็ต่อเมื่อมีความผิดตามประมวลกฎหมายรัษฎากร มาตรา 37 , พบการหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร เกิน 10 ล้านบาท , มีการกระทำเป็นเครือข่ายขบวนการ และมีพฤติกรรมปกปิดซ่อนเร้นอำพรางทรัพย์สินที่มาจากการกระทำความผิด โดยหากตรวจสอบพบความผิด ก็จะนำเรื่องเข้าหารือ กับคณะกรรมการกลั่นกรองภาษี ก่อนดำเนินการอายัดทรัพย์
สำหรับ บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต เป็นหนึ่งในเครือ 13 บริษัท ที่ศาลยกฟ้องคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ ฐานเป็นอั้งยี่ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ร.บ.นำเที่ยวและมัคคุเทศก์ และขณะนี้ อยู่ในระหว่างพิจารณายื่นอุทธรณ์