กองอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ เตรียมเปิดให้ประชาชนเข้าจับจองพื้นที่ท้องสนามหลวง เพื่อรับชมพระราชพิธีเคลื่อนริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศได้ ตั้งแต่เวลา 05.00 น.ของวันที่ 25 ตุลาคม เพื่อเข้าชมพระราชพิธีอย่างใกล้ชิด พร้อมสั่งห้ามสื่อมวลชนไลฟ์เฟซบุ๊กถ่ายทอดสดช่วงพระราชพิธี แต่ประชาชนสามารถทำได้ตามปกติ
พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมกองอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (กอร.พระราชพิธี) ว่า ขณะนี้การเตรียมการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ทุกหน่วยงานมีความพร้อมถึง 99 % / ที่เหลืออีก 1 เปอร์เซ็นต์นั้น เป็นเพียงการประดับตกแต่งอุปกรณ์บางอย่าง ที่ยังไม่สามารถติดตั้งได้ในทันที
โดยพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานในการประชุม สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนทั้งตำรวจ ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดจุดต่างๆ ให้เรียบร้อย โดยเฉพาะเส้นทางขบวนเสด็จฯ พร้อมแนะนำให้ทุกหน่วยงาน รีบแนะนำทำความเข้าใจกับประชาชน และสื่อมวลชน ในการมาร่วมงานพระราชพิธี และการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่
พลโทสรรเสริญ กล่าวว่า อยากเชิญชวนให้ประชาชนถวายดอกไม้จันทน์ในพื้นที่ และจังหวัดของตัวเอง ที่มีการจัดสร้างพระเมรุมาศจำลอง เพราะพระราชพิธีทุกอย่าง คล้ายกับท้องสนามหลวงทุกประการ ขณะที่พื้นที่โดยรอบท้องสนามหลวง สามารถรองรับประชาชนได้ 2 แสน 5 หมื่นคน แต่จะมีเพียง 40,000 คนเท่านั้น ที่จะสามารถเข้ามารับชมพระราชพิธีเคลื่อนริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศได้
สำหรับพื้นที่โดยรอบที่ประชาชน สามารถรับชมริ้วขบวนได้นั้น ประกอบด้วย ถนนมหาราช แยกท่าช้าง-ท่าเตียน รองรับประชาชน 2,500 คน / ถนนท่าเตียน-สามแยกเชตุพน 2,500 คน / ตลอดเส้นทางศาลฎีกาไปสะพานผ่านพิภพลีลา 15,500 คน / ถนนพระธาตุยาวไปจนถึงโรงละครแห่งชาติ 6,500 คน
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถมาร่วมในพระราชพิธีนี้ได้ ด้วยการแสดงบัตรประชาชน และเตรียมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อาหารและน้ำมาด้วย โดยประตูจุดคัดกรอง จะเปิดให้เข้าพื้นที่ด้านในเวลา 05.00 น. ของวันที่ 25 ตุลาคม และประชาชนสามารถอยู่ยาว ได้จนถึงช่วงเช้าวันที่ 26 ตุลาคม จนเสร็จสิ้นพระราชพิธี
พลโทสรรเสริญ กล่าวว่า ในช่วงงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนทุกสำนัก ทำการไลฟ์สด และห้ามแชร์เฟซบุ๊คส่วนตัวของประชาชนที่ไลฟ์สดเด็ดขาด ซึ่งถือเป็นการจัดระเบียบสื่อ เพราะมีการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว
แต่ประชาชนสามารถไลฟ์สด และบันทึกภาพได้ เพียงแต่บางจุด จะมีการตัดสัญญาณ โดยสื่อมวลชนสามารถอยู่ได้เพียง 2 จุด ที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ คือ หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบนอัฒจันทร์ ที่จัดไว้เท่านั้น
โดยขณะนี้มีสื่อลงทะเบียนทั้งสื่อไทยและสื่อต่างประเทศ แล้วทั้งหมด 1,687 คน / เตรียมเปิดให้สื่อออนไลน์ ลงทะเบียนขอรับบัตรเข้าปฏิบัติงานหลังจากนี้ได้เพิ่มเติม ทั้งนี้ กรมประชาสัมพันธ์ จัดทำคู่มือสื่อมวลชนไว้ 15,000 ชุด แบ่งเป็นภาษาไทย 10,000 ชุด และภาษาอังกฤษ 5,000 ชุด ซึ่งจะแจกในวันที่ 16 ตุลาคมนี้
ด้านนายนิสิต จันทร์สมวงศ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สถานที่ถวายดอกไม้จันทน์ทั่วทุกภูมิภาค มีทั้งหมด 878 จุด แบ่งเป็น พระเมรุมาศจำลอง 76 แห่ง ดำเนินการแล้วร้อยละ 95 คาดว่า จะแล้วเสร็จทั่วประเทศในวันที่ 15 ตุลาคม ขณะที่ซุ้มวางดอกไม้จันทน์ 802 จุด ทุกจุดจะมีการติดตั้งจอแอลอีดีขนาดใหญ่ เพื่อให้เห็นภาพประวัติศาสตร์ เหมือนเหตุการณ์จริง
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย ได้เปิดให้จังหวัดต่างๆ ทำดอกไม้จันทน์ รวมทุกจังหวัด จำนวน 61 ล้านดอก นอกจากนี้ ได้มีปรับภูมิทัศน์ปลูกดอกดาวเรือง ในสถานที่สำคัญของทางราชการ และโดยรอบพระเมรุมาศจำลอง โดยให้แต่ละจังหวัด เตรียมเก็บภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว เพื่อทำสมุดภาพประวัติศาสตร์
ขณะที่ พลตำรวจเอกเดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงว่า จะอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ที่ต้องการมาร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยจะมีรถชัตเตอร์บัส รับ - ส่ง ประชาชนจากสถานีรถไฟ / ท่าเรือ และ จุดจอดรถขนส่งมวลชนกว่า 10 จุด เพื่อนำประชาชนเข้าสู่พื้นที่ด้านในสนามหลวง
โดยกำหนดจุดรวมพลไว้ 5 จุด คือ 1.สนามม้านางเลิ้ง / 2.ด้านหน้าบ้านมนังคศิลา / 3.หน้าสถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง / 4.แยกอรุณอัมรินทร์ และ 5.แยกวิสุทธิกษัตริย์ ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้ที่สุด ที่ประชาชนจะเดินเท้าเข้ามาภายในบริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อผ่านจุดคัดกรอง 9 จุด
ส่วนการรักษาความปลอดภัย จะใช้กำลังตำรวจคอยปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ 70,000 นาย รวมกับจิตอาสาเฉพาะกิจด้านในสนามหลวงหลักพันคน และจิตอาสาฯรอบนอกอีกหลักหมื่นคน