พรรคเพื่อไทย คาด คสช. ปลดล็อคให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ยืนยันพร้อมปฏิบัติตามที่กฎหมายลูกพรรคการเมืองกำหนดไว้ ด้าน อดีต กกต.เรียกร้อง คสช.ปลดล็อคพรรคการเมือง เพื่อให้พรรคการเมืองเตรียมตัวทำไพรมารีโหวต
นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงกรณีที่พรรคการเมืองออกมาระบุว่า ระบบไพรมารีโหวต หรือ การเลือกตั้งเบื้องต้นภายในพรรค เพื่อสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งนั้น ยุ่งยากว่า ระบบไพรมารีโหวตหัวใจหลัก คือ ต้องการให้สาขาพรรคมีส่วนร่วมในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งระบบนี้นำมาบัญญัติไว้ในกฎหหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมืองเป็นครั้งแรก
โดยกระบวนการของระบบนี้เป็นระบบใหม่ มีขั้นตอนหลายอย่างมาก ดังนั้นพรรคการเมืองต้องเร่งดำเนินการในเรื่องนี้เพื่อให้ทันต่อกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งพรรคการเมืองได้เสนอให้นำไปใช้ในการเลือกตั้งครั้งที่สองเพราะเกรงว่าพรรคจะเตรียมตัวไม่ทัน
ดังนั้นหากผ่านพระราชพิธีสำคัญในเดือน ต.ค.นี้ ไปแล้ว ฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็น่าจะปลดล็อกเพื่อให้พรรคการเมืองได้มีเวลาเตรียมการจัดทำไพรมารีโหวต
ด้าน นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย(พท.)กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งต้องใช้ระบบไพรมารีโหวต ว่า เมื่อกฏหมายออกมาแล้วก็คงจะต้องยอมรับปฏิบัติตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยพรรคการเมืองจะต้องพร้อมที่จะทำงาน เพราะตอนนี้เลยจุดที่จะโอดครวญแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ตนและพวกเคยท้วงติงไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสนใจ เรื่องดังกล่าวตรงกับสำนวนที่ว่า"คนคิดไม่ได้ทำ แต่คนทำไม่ได้คิด"
ทั้งนี้ตามข่าวที่ตนได้ยินมาว่า คาดว่า จะมีการปลดล็อคพรรคการเมือง ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ซึ่งหลังจากมีการปลดล็อคพรรคการเมือง คณะกรรมการบริหารพรรคคงจะเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่ออกมา
ทั้งนี้ ตามบทบัญญัติกฎหมายลูกพรรค การเมือง กำหนดให้พรรคการเมืองต้องดำเนินการเรื่องต่าง ๆ อาทิ พรรคการเมือง ที่มีสมาชิกไม่ถึง 500 คน ต้องดำเนินการให้มีสมาชิกครบ 500 คนภาย ใน 180 วัน และต้องเพิ่มสมาชิกให้มีจำนวนไม่น้อยกว่า 10,000 คนภายใน 4 ปี
และต้องจัดให้มีสาขาพรรคและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดอย่างน้อยภาคละ1 สาขาให้ครบถ้วน ภายใน 180 วัน หากพรรคการเมืองดำเนินการตามข้อกำหนดไม่ครบถ้วนจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่ได้
สำหรับข้อมูลพรรคการ เมืองของ กกต. ณ วันที่ 30 พ.ค.2560 พบว่า ขณะนี้พรรคการเมืองทั้งหมด 69 พรรค มีสมาชิกพรรคการเมืองรวมทั้งหมด 4,789,037 คน มีสาขาพรรคการเมืองทั้งหมด 362 สาขา
โดยในจำนวนพรรคการเมืองทั้งหมด พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีจำนวนสมาชิกสูงที่สุด 2,895,954 คน รองลงมาคือพรรคมหาชนมีสมาชิก 1,181,015 คน พรรคภูมิใจไทย มีสมาชิก 153,087 คน และพรรคเพื่อไทย มีสมาชิก 134,834 คน
ส่วนพรรคที่มีสมาชิกน้อยที่สุดคือ พรรคเพื่ออนาคต และพรรครวมพลังไทย โดยทั้งสองพรรคมีสมาชิก 13 คน เท่ากัน โดยพบว่า มีพรรคการเมืองกว่า 20 พรรค มีสมาชิกไม่ถึง 500 คนตามที่กฎหมายกำหนด
สำหรับพรรคการเมืองที่มีสาขาพรรคมากที่สุดยังคงเป็นพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีสาขาพรรคทั้งหมด 175 สาขา รองลงมาคือพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคเพื่อฟ้าดิน มี 9 สาขาเท่ากัน ตามมาด้วย พรรคประชากรไทยและพรรคความหวังใหม่ มี 8 สาขาเท่ากัน ขณะที่พรรคเพื่อไทยมีเพียง 5 สาขาเท่านั้น และที่น่าสนใจคือมีพรรคการเมืองกว่า 24 พรรค ที่ไม่มีสาขาพรรค
กฎหมายลูกพรรคการเมือง มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ดังนั้นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกและสาขาพรรคไม่ครบตามกำหนด จะมีเวลาดำเนินการ 180 วัน หรือ จนถึงวันที่ 4 เม.ย.2561เท่านั้น