กรมสรรพสามิต เผย เตรียมเข้มงวดเก็บภาษี 10% กับสถานบริการที่จำหน่ายสุรา สวนอาหาร และผับบาร์ต่างๆเพิ่มมากขึ้น หลังจากปี 2560 เก็บภาษีผับบาร์ได้ไม่มากนัก
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวถึงการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตในปีงบประมาณ 2561 ว่า ในปี 2561 กรมสรรพสามิต จะพยายามเพิ่มฐานการจัดเก็บภาษีให้มากขึ้น โดยในส่วนของสถานบริการเต้นรำและกินดื่ม ประเภทไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับและบาร์ ที่กำหนดเก็บภาษี 10% ของรายได้นั้น ก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้มงวดการจัดเก็บภาษีมากนัก
เพราะในธุรกิจสวนอาหาร หรือ ผับบางแห่ง อ้างว่าไม่เข้าข่ายต้องเสียภาษีเพราะไม่มีฟลอร์เต้นรำตามที่กฎหมายระบุไว้ แต่หลังจากศาลตัดสินให้ทาง "ซานติก้าผับ" ต้องจ่ายภาษีสรรพสามิต ทั้งที่ซานติก้า ไม่มีฟลอร์เต้นรำ แสดงให้เห็นว่า ผับที่ไม่มีฟลอร์เต้นรำต้องเสียภาษีเช่นกัน ซึ่งกรมสรรพสามิต จะใช้คำตัดสินดังกล่าวในการเรียกเก็บภาษีกลุ่มนี้ต่อไป
ซึ่งการเก็บภาษีสถานบริการเต้นรำและกินดื่มที่ผ่านมา เก็บได้ไม่มากนัก แค่ระดับ 100 ล้านบาทต่อปี ดังนั้นกรมสรรพสามติ ต้องดำเนินการเพิ่มฐานของกลุ่มผู้เสียภาษีให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสวนอาหาร หรือ บาร์กลาง ที่ชอบอ้างว่าไม่มีฟลอร์เต้นรำ แต่ถ้ามีการแสดงดนตรีสด จำหน่ายสุรา และเบียร์ หรือ ปิดสถานบริการหลังเที่ยงคืน ต้องเสียภาษีสรรพสามิตเช่นกัน
นายกฤษฎา กล่าวว่า ส่วนกรณีร้านสะดวกซื้อขายเบียร์สดนั้น ไม่ต้องขอใบอนุญาตการประกอบกิจการเบียร์สดจากกรมสรรพสามิต เนื่องจากเป็นเพียงการนำเบียร์สดมาใส่ถังบรรจุแล้วให้ผู้ขายกดจำหน่ายเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากโรงงานเบียร์สดที่เป็นโรงงานขนาดย่อม ต้องได้รับใบอนุญาตจากกรมสรรพสามิต
แต่กรมไม่สนับสนุนให้ร้านค้าสะดวกซื้อจำหน่ายเบียร์สด ซึ่งกรมสรรพสามิตเตรียมออกกฎระเบียบเพื่อควบคุมการจำหน่ายเบียร์สดในร้านสะดวกซื้อ เหมือนการควบคุมการขายบุหรี่ ที่ต้องอยู่ในสถานที่มิดชิด