ชมรมประมงตรัง ร้องขอให้อธิบดีกรมอุทยานฯรับผิดชอบ กรณีให้ข่าวล่าพะยูนบนเกาะลิบง ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
จากกรณีที่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช แถลงข่าวว่า มีขบวนการล่าพะยูน ส่งขายในตลาดมืด เพื่อนำเนื้อไปทำอาหารขายกัน กิโลกรัมละ 150 บาท และเอากระดูกกับเขี้ยว ไปทำเครื่องรางของขลัง เป็นเหตุให้ประชากรพะยูน ลดจำนวนลง เหลือไม่ถึง 200 ตัว
ซึ่งเรื่องนี้ นายแสวง ขุนอาจ กรรมการสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย ได้ชี้แจงว่า ขบวนการล่าเนื้อพะยูน เคยเกิดขึ้นจริง เมื่อประมาณปี 2535–2536 หรือเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ชาวบ้านจึงออกมาต่อต้านจนหมดไป
ระยะหลัง พะยูนตายด้วยเครื่องมือประมงมากขึ้น จึงทำให้ประชากรพะยูนในทะเลตรัง ลดลงอย่างต่อเนื่อง และมาเกิดวิกฤติหนักที่สุด เมื่อปี 2555
ซึ่งขณะนั้น ก็ไม่มีขบวนการล่าพะยูนแล้ว แต่พะยูนตายด้วยเครื่องมือทำประมง มากถึง 11 ตัว ทำให้การบินสำรวจ พบว่า ประชากรพะยูนทะเลตรัง เหลือเพียงประมาณ 120 ตัว เท่านั้น
ทั้งนี้ นายแสวง ระบุว่า การให้ข่าวว่า สามารถล่อซื้อชิ้นเนื้อ ที่พิสูจน์แล้วว่า เป็นชิ้นเนื้อพะยูนได้บนเกาะลิบง ทำให้ชาวบ้านเกาะลิบงเสื่อมเสีย จึงขอให้นำหลักฐานมาแสดง และต้องไปแจ้งความเอาผิดคนครอบครองชิ้นเนื้อดังกล่าวด้วย ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่จะเข้าข่ายละเว้นผิดมาตรา 157