กลุ่มผู้พิการทางสายตา เป็นประชาชนอีกกลุ่มที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยมองเห็นพระพักต์ของพระองค์ แต่สัมผัสได้จากสิ่งที่พระองค์ทำเพื่อปวงชนชาวไทย

เพลงยิ้มสู้นี้ ขับร้องโดยกลุ่มผู้พิการทางสายตา ถือเป็นบนเพลงหนึ่งที่ผู้พิการทางสายตาถือว่ามีความหมายกับชีวิตและเป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิต โดย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชนิพนธ์ ให้กับผู้พิการทางสายตาโดยเฉพาะ ดังนั้นทางสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย จึงเลือกร้องเพลงนี้ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์

ขณะที่ พัทธนันท์ อรุณวิจิตรสกุล ผู้พิการทางสายตาคนนี้ เป็นอีกคนที่ทราบซึ่งถึงน้ำพระมหากรุณาของพระองค์ และถ่ายทอดออกมาผ่านบทเพลงในหลวงของแผ่นดิน ซึ่งทุกครั้งที่ได้มีโอกาสร้องเพลง เกี่ยวกับพระองค์ท่าน ได้ตั้่งใจถ่ายทอดถึงความภักดีผ่านเสียงเพลงให้ไพเราะที่สุดเท่าที่จะทำได้

พัทธนันท์ เล่าว่า แม้เกิดมามีสายตาจะมืดมิดและไม่เคยมีโอกาสได้เห็นพระองค์ท่าน แต่ก็สัมผัสเรื่องราวของพระองค์ได้ด้วยหัวใจ และสิ่งที่พระองค์ทำเพื่อปวงชนชาวไทย หากมีโอกาสมองเห็นสิ่งแรกที่เธออยากเห็นคือพระพักตร์ของพระองค์ท่าน ที่ทรงงานตรากตรำเพื่อปวงชนชาวไทย

ขณะที่นายพิทยา ศรีโกตะเพ็ชร ผู้อำนวยสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ระบุว่า  คนตาบอดทุกคนต่างพากันแสดงความอาลัย และน้อมรำลึงถึงเพลงยิ้มสู้ที่พระองค์พระราชทานให้เสมอมา

โดยท่อนหนึ่งของบทเพลงยิ้มสู้ ที่ว่า “สุขและทุกข์อย่างไรเพราะใจตนเอง” ทำให้ผู้ได้ฟังบทเพลงนี้ต้องกลับมาย้อนคิดว่า ความทุกข์ในใจนั้นอยู่ที่เราคิดและเลือกมองว่ามันเป็นอย่างไร ขอเพียงแค่ยิ้มสู้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เหมือนคนตาบอด ก็จะผ่านพ้นไปได้

 

แสงส่องกลางใจจากในหลวง ร.9 แม้ในยามโลกมืดมิด