ชาวริมน้ำจันทบูร ยังรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงช่วยให้ชาวบ้านในพื้นที่พ้นรอดพ้นจากวิกฤตอุทกภัยซ้ำซากในเมืองจันทบุรี จากโครงการพระราชดำริโครงการสุดท้ายของพระองค์
ในอดีตฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องนานนับชั่วโมง ส่งผลให้ชาวจันทบุรี โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำจันทบุรี ต่างหวาดผวาเมื่อเคยประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่จนถึงชั้นสองของบ้าน
กระทั่งเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2541 ชาวจังหวัดจันทบุรี ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีรับสั่งกับ นายสุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการบริหารทรัพยากรน้ำในขณะนั้น ว่า หากเกิดฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ระยอง และชลบุรี จะเกิดปัญหาน้ำท่วมได้ง่าย เพราะเป็นพื้นที่เป็นภูเขาอยู่ใกล้ชายหาด และจะเกิดภัยแล้งในฤดูแล้ง เพราะกักเก็บน้ำไว้ ลำบาก
พระองค์จึงทรงมีพระราชดำริให้แก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยทรงมีพระราชกระแสรับสั่ง ให้กรมชลประทานกับกรมทางหลวงมาร่วมทำงานแก้ไข ทำคลองประสานน้ำจากแม่น้ำจันท์ ที่หน้าฝายทุ่งสระบาปเชื่อมกับคลองอ่าง ลงทะเลบ้านหนองบัว เป็นระยะทาง 11.62 กิโลเมตร มีประตูระบายน้ำ 11 แห่ง เพื่อช่วยผันน้ำจากแม่น้ำจันท์
อีกทั้งยังใช้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำสำหรับเกษตรกรในหน้าแล้ง ป้องกันการรุกล้ำของน้ำเค็ม และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่อไว้ว่า "คลองภักดีรำไพ"
ซึ่งกระแสรับสั่งของพระองค์ท่านในครั้งนั้น ถือเป็นโครงการในพระราชดำริ โครงการสุดท้ายของพระองค์ และชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ต่างรู้สึกซาบซึ่งในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงห่วงใยพสกนิกร อย่างหาที่สุดมิได้ เพราะหลังจากที่เริ่มมีการขุด "คลองภักดีรำไพ" สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ก็เริ่มดีขึ้น มีน้ำไหลเอ่อเข้ามาในพื้นที่ชุมชนน้อยลง