ความคืบหน้าคดีชำแหละพะยูน ที่ จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจ เร่งสอบพยานหาข้อเท็จจริง กรณีพะยูนถูกชำแหละ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมาว่า เป็นขบวนการล่าพะยูนจริงหรือไม่ หรือเกิดจากสาเหตุใด
นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วยพันตำรวจเอก พีระพงษ์ ฉายอรุณ ผู้กำกับ สภ.กันตัง ร่วมประชุมความคืบหน้าติดตามตัวผู้ก่อเหตุชำแหละพะยูน และทิ้งซากไว้ในป่าโกงกาง บริเวณปากคลองโต๊ะขุน ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา
พันตำรวจเอกพีระพงษ์ เปิดเผยว่า ความผิดของคดีนี้เกี่ยวข้อง 3 ข้อ คือ 1.เรื่องล่า 2.การครอบครองซากสัตว์สงวน และ 3.การค้าซากสัตว์ ซึ่งจากผลชันสูตรของสัตวแพทย์ ยังไม่สามารถระบุการตายของพะยูนได้ชัดเจน เพียงแต่บ่งชี้ว่า พะยูน ตายก่อนถูกชำแหละ ทำให้ยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่า การตายมาจากอะไร จะตายจากอุบัติเหตุ หรืออาจติดอวน เพราะพะยูนต้องขึ้นมาหายใจจากน้ำทุก 20 นาที
ส่วนที่สันนิษฐานว่า เป็นการการล่าพะยูนหรือไม่นั้น ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งเบื้องต้น ไม่พบผู้ครอบครอง มีเพียงการให้การจากเจ้าหน้าที่ ที่ไปพบซาก อยู่บริเวณป่าโกงกางเพียงเท่านั้น ขณะที่ประเด็นของการค้า ก็ยังไม่พบข้อมูลเชื่อมโยงบุคคลที่เกี่ยวข้อง แต่ได้ส่งตำรวจลงพื้นที่สืบสวนหาข้อเท็จจริงแล้ว จากกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่เคยมีประวัติ เมื่อปี 2554
ทั้งนี้ จากการอยู่ในพื้นที่มากว่า 2 ปี ไม่น่าเชื่อว่า คนเกาะลิบง หรือพื้นที่เกิดเหตุเป็นผู้กระทำ เพราะพะยูนเป็นสัตว์ที่นำมาสู่การเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวให้ชาวบ้าน จึงไม่น่าใช่คนลงมือก่อเหตุ เบื้องต้นอาจจะเป็นชาวประมงใกล้เคียง ที่มาวางอวนในพื้นที่ และพะยูนอาจติดไปโดยบังเอิญ
ในส่วนของการสอบปากคำ ขณะที่ได้เรียกหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่า เกาะลิบงผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน มาสอบปากคำแล้ว ซึ่งจากการให้การของพยานทั้งหมด ยังมีข้อมูลไม่มาก
ขณะที่นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่า ไม่มีการล่าพะยูนในพื้นที่ เพราะชาวบ้านมีจิตสำนึกรักพะยูน เพราะเป็นสัตว์ที่ชักจูงนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ และสร้างรายได้จำนวนมากให้แก่คนในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้นายอำเภอกันตัง / นายอำเภอปะเหลียน / เข้าพื้นที่บนเกาะลิบง / เกาะหมู เดือนละครั้ง เพื่อหาข้อมูลข่าวยืนยันว่า เกิดจากสาเหตุใดกันแน่ และได้กำชับตำรวจ / ทหาร และฝ่ายปกครอง ให้สอบสวนหาข้อเท็จจริงในเร็ววัน