"พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุไม่น้อยใจหากถูกปรับพ้น ครม. ยืนยันทำหน้าที่ตนเองเต็มที่ ชี้สาเหตุที่ถูกพุ่งเป้าโจมตี เพราะเป็นเพื่อนนายกฯ ด้าน "พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ" เผย ยังไม่คิดเสนอชื่อใครนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีตรีว่าการกระทรวงแรงงานแทน ย้ำปรับ ครม.เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การปรับครม.เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว เพราะเป็นผู้กำกับดูแลทั้ง 20 กระทรวง ซึ่งตนเองในฐานะกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ยังไม่ได้มีความคิดที่จะเสนอรายชื่อใครเข้าเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ส่วนกระแสข่าวว่า ตนเองอาจเสนอชื่อพลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พลเอก ประวิตร ย้อนถามว่า อยากถามสื่อมวลชนว่า ไปเอาชื่อนี้มาจากไหน เพราะทุกเรื่องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ดังนั้นต้องไปถามนายกรัฐมนตรีเอง
ส่วนกรณีที่พลเอกพัลลภ ปิ่นมณี อดีตที่ปรึกษานางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีระบุว่า การที่นายกรัฐมนตรีไม่กล้าปรับ ครม. เพราะเกรงใจเพื่อนพ้องน้องพี่นั้น พลเอก ประวิตร กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเกรงใจ เพราะยังไม่เห็นมีใครเกรงใจตัวเองเลย
ด้านพลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับครม.ว่า เรื่องดังกล่าวต้องถามพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะเป็นดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งทุกคนสามารถเป็นได้หมด
ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนใหม่ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นทหารหรือพลเรือน ขอให้มีความรู้ความสามารถที่จะเข้ามาแก้ปัญหา เพราะมีความจำเป็นเรื่องด่วนที่จะต้องเร่งแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ส่วนจะปรับสัดส่วนทหารลงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชา
ขณะที่พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้มีการหารือ และสอบความคิดเห็นเรื่องการปรับครม.กับตน ซึ่งเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีต้องการฟังความเห็นจากทุกฝ่าย และคาดว่าจะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบเร็วๆนี้ แต่ตนไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร ส่วนตัวเห็นว่า นายกรัฐมนตรีใกล้ชิดกับรัฐมนตรีทุกคน และจะเป็นผู้ตัดสินใจได้ดีที่สุด ส่วนกระทรวงที่ตนกำกับดูแล ไม่มีการเสนอการปรับแต่อย่างใด
ด้านพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีไม่เคยสอบถามเรื่องการปรับ ครม. กับตนเอง จนถึงวันนี้ก็ไม่มีการสอบถามแต่อย่างใด แต่เชื่อว่านายกรัฐมนตรี คงพิจารณาด้วยตนเอง
ซึ่งการปรับ ครม.ทุกครั้ง มักพุ่งเป้ามายังตนเอง เนื่องจากตนอาจเป็นเพื่อนนายกรัฐมนตรี และเป็นคนใกล้ชิด ส่วนตนจะถูกปรับออกจากครม.หรือไม่นั้น ตนไม่ขอตอบ แต่ตนเองเป็นคนตั้งใจในการทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และยืนยันว่าไม่น้อยใจ หากถูกปรับพ้น ครม. เพราะส่วนตัวเป็นทหาร ต้องพร้อมจะทำหน้าที่ตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายให้
ถ้านายกรัฐมนตรีไม่มอบหมายหน้าที่ให้ต่อไปก็กลับบ้าน เพราะส่วนตัวอยากพักผ่อน และก่อนหน้านี้เคยคุยกับนายกฯ ไว้ว่า หลังเกษียณจะไปเที่ยวต่างประเทศ ด้วยกัน โดยนายกรัฐมนตรีเป็นคนเขียนแผน แต่ขณะนี้ถูกฉีกทิ้งไปหมดแล้ว
พลเอกฉัตรชัย ยืนยันว่า ไม่ทราบว่า นายกฯ จะปรับลดสัดส่วน ครม.สายทหารลงหรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรีไม่เคยหารือเรื่องนี้่ แม้จะเป็นเพื่อนกันมาก่อน ซึ่งความจริงแล้วเวลาทำงานด้วยกัน ไม่มีคำว่าเพื่อน แต่นอกเวลายังเป็นเพื่อนกัน ซึ่งที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีไม่เคยถามเรื่องนี้ แม้ในช่วงที่ปรับย้ายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรทรวงพาณิชย์ มายังกระทรวงเกษตรฯก็ไม่เคยสอบถามตนเอง และนายกรัฐมนตรี ก็ไม่เคยตำหนิตนเองในการทำหน้าที่
ส่วนนายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า เห็นด้วยหากจะปรับ ครม. เพื่อให้สอดรับกับช่วงเวลา 1 ปีเศษที่เหลือ แต่จุดอ่อนขณะนี้คือปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง รวมถึงการสื่อสารกับประชาชน ดังนั้นการปรับ ครม.โดยเฉพาะ ด้านเศรษฐกิจ ควรยึดโมเดล พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในช่วงสมัยเป็นนายกฯที่ระดมคนจากภาคส่วนต่างๆ ที่มีความรู้ ความสามารถมาร่วมมือกัน หรืออาจขอความเห็นจากอดีตนายกฯจากรัฐบาลที่ผ่านมา มาร่วมด้วย เพราะถือเป็นวาระของชาติ
ขณะที่นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรชื่อดัง จ.เชียงใหม่ หรือ โหร คมช. กล่าวทำนายว่า การปรับ ครม.ครั้งจะมีมากกว่า สิบตำแหน่งขึ้นไป และการปรับ ครม.ครั้งนี้จะมีคนนอก หรือ อดีตนักกการเมืองเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน ซึ่งการปรับครั้งนี้ ไม่ใช่ขาลงของรัฐบาล แต่เป็นการปรับเพื่อความเหมาะสม
แต่สำหรับ พลเอก ประยุทธ์ ท่านยังหน้าที่ไม่หมด เหมือนอยากจะออก แต่ก็ออกไม่ได้ ต้องอยู่อีก 1 - 2 สมัย พร้อมยืนยันว่า พลเอก ประยุทธ์ ได้เป็นนายกฯ ต่อแน่นอน แม้ว่า ท่านจะไม่อยากอยู่ก็ตาม เพราะต้องตามหน้าที่ให้กับชาติบ้านเมืองต่อไป
ส่วนอดีตนายกฯ ทั้งสองคนที่หนีไปต่างประเทศนั้น เป็นเหมือนสายน้ำไม่ไหลกลับ จบไปเป็นตำนานไปแล้ว