"ตูน บอดี้แสลม" วิ่งการกุศลโครงการก้าวคนละก้าว เป็นวันที่ 10 เข้าสู่เขตจังหวัดนครศรีธรรมราชแล้ว ท่ามกลางการต้อนรับที่อบอุ่น ขณะที่ยอดเงินบริจาคพุ่งสูงกว่า 170 ล้านบาท
วันที่ 10 ของการวิ่งในโครงการ “ก้าวคนละก้าว” หลังจากได้หยุดพัก 1 วัน “ตูน บอดี้สแลม” หรือนายอาทิวราห์ คงมาลัย สตาร์ทออกวิ่งท่ามกลางสายฝน โดยมีนางแดง ทองเกลี้ยง อายุ 82 ปี ชาวอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา มาส่ง “ตูน” เป็นคนสุดท้าย ที่สุดเขตแดนของจังหวัดสงขลา เพื่อเข้าสู่เขตอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ แม้จะมีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่ยังมีชาวบ้านมารอรับตลอดเส้นทาง ซึ่งในวันนี้ หากสามารถทำเวลาได้ตามเป้าที่วางไว้ น่าจะได้รับมอบเช็คเงินสด 16 ล้านบาท ที่ทางนายจิมมี่ ชวาลา เศรษฐีค้าผ้าเมืองนคร ได้เซ็นตั๋วเงินเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อมอบให้กับ “ตูน” ในนามของชาวนครศรีธรรมราชทั้งหมด โดยจะมอบให้ผ่านทางผู้ราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช บริเวณวัดพระมหาธาตุมหาวรวิหาร ขณะที่ยอดเงินบริจาคทะลุเกือบ 170 ล้านบาท
ล่าสุด คณะของ "ตูน" วิ่งเข้าสู่เขตอำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราชแล้ว โดยมีจุดแวะพักที่บ้านปากคลองวัดแดง ตำบลเขาพระบาท ในอำเภอเชียรใหญ่ ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่มารอต้อนรับ และนำเงินมาสมทบกับตูนอย่างคับคั่ง
ด้านนายจิมมี่ ชวาลา เศรษฐีค้าผ้าเมืองนคร ซึ่งได้เซ็นตั๋วเงินเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อมอบให้กับ “ตูน” ในนามของชาวนครศรีธรรมราชทั้งหมด อาจไม่ร่วมมอบเงินที่หน้าพระบรมธาตุเจดีย์ เนื่องจากจะทำให้ “ตูน”เสียเวลาพบชาวนครศรี แต่จะรอต้อนรับริมถนนหน้าร้านแทน
ส่วนที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี กลุ่มชมรมจักรยานป้าป้า ซึ่งในชมรมดังกล่าวเป็นผู้สูงอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้น ร่วมเดินรับบริจาค บริเวณ 3 ชุมชนเก่าแก่ในเขตเทศบาลเมืองท่าข้าม อำเภอพุนพิน เพื่อร่วมกันสนับสนุนโครงการก้าวคนละก้าวฯ โดยมีประชาชนและผู้สูงอายุ ที่ไม่สามารถเดินทางไปบริเวณจุดที่ "ตูน บอดี้แสลม" วิ่งผ่าน ร่วมบริจาคเงินเป็นจำนวนมาก
หนึ่งในผู้ร่วมบริจาค คือ นางบุญนาง เพ็งหีต อายุ 76 ปี ชาวอำเภอพุนพิน กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจในตัว "ตูน บอดี้สแลม" ที่ทำความดีเพื่อคนไทยทั้งประเทศ และปลื้มใจน้ำตาไหลทุกครั้ง ที่ได้นั่งดูข่าวตูน พร้อมขอให้สู้ๆ สุขภาพแข็งแรง ตลอดเส้นทางที่วิ่งในครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ ยอดเงินบริจาคล่าสุด พบว่า สูงกว่า 170 ล้านบาทแล้ว และรวมระยะทางวิ่ง เป็นระยะทางรวมกว่า 400 กิโลเมตร
สำหรับการวิ่งการกุศล โครงการก้าวคนละก้าวนี้ เพื่อนำเงินบริจาคที่ได้ไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ยังขาดแคลนตามโรงพยาบาลศูนย์ทั่วประเทศ เบตง-แม่สาย ทั้ง 11โรงพยาบาล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาและคุณภาพชีวิตผู้ป่วยให้ดีขึ้น รวมถึงเป็นขวัญกำลังใจให้ หมอ พยาบาลผู้เสียสละทั่วประเทศ