ผู้เสียหาย จากการร่วมลงทุนผ่านทางเฟซบุ๊ก จำนวน 14 คน รวมตัวเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจนครบาลคันนายาว ระบุ ถูกหลอกให้ร่วมลงทุน มูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท
ที่สถานีตำรวจนครบาลคันนายาว น.ส.ฐปนกุล หู้เต็ม อายุ 42 ปี พร้อมผู้เสียหาย จากการร่วมลงทุน ธุรกิจค้าน้ำตาล และ ส่งออกข้าว ผ่านทางเฟซบุ๊กจำนวน 14 คน รวมตัวกันเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพันตำรวจเอกสิงห์ สิงห์เดช ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลคันนายาว โดยระบุว่า ถูก 2 สามีภรรยา หลอกให้ร่วมลงทุนผ่านทางเฟซบุ๊ก รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท
น.ส.ฐปนกุล ระบุว่า เพื่อนที่รู้จักประมาณ 3 ปี ได้ชักชวนให้เข้ากลุ่มปิดเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า "บ้านออมเงินเบิกบานใจ" ซึ่งเปิดมาประมาณ 6 เดือน มีสมาชิกจำนวน 876 คน เพื่อร่วมลงทุน โดยทั้งกลุ่มมีมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 55 ล้านบาท ซึ่งเพื่อนบอกว่า จะได้รับผลตอบแทนสูง
ทั้งนี้ ในกลุ่มดังกล่าว จะมีนายดอน(นามสมติ) และภรรยา เป็นผู้ดูแล และชักชวนให้สมาชิกร่วมลงทุน โดยได้อ้างว่า จะนำเงินไปลงทุนธุรกิจค้าน้ำตาล และส่งออกข้าว ก่อนนำเงินมาแบ่งคืนให้สมาชิก
นอกจากนี้ ยังพยายามโพสต์ข้อความ และไลฟ์สดในกลุ่มว่า อยากช่วยเหลือคนที่มีรายได้น้อย ปกติแล้วตนเองไม่เชื่อว่า จะได้รับผลตอบแทนจริง แต่เพราะเชื่อใจเพื่อนที่ชักชวน จึงตัดสินใจร่วมลงทุนครั้งแรก เมื่อเดือนกรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา ลงเงินทุนไปจำนวน 1 หมื่นบาท ในระยะเวลา 1 เดือน ได้เงินคืนมาจำนวน 1 หมื่น 6 พัน 3 ร้อยบาท คิดเป็นผลตอบแทนร้อยละ 30 จากนั้นจึงลงทุนต่ออีกจำนวน 6 หมื่นบาท
กระทั่งเดือนสิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา กลุ่มดังกล่าว ได้มีการประกาศเลื่อนการจ่ายเงินคืน ซึ่งผู้เสียหายแต่ละราย จะถูกหลอกให้ร่วมลงทุนตั้งแต่หลักหมื่น ถึงหลักแสนบาท รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท
พันตำรวจเอก สิงห์ ระบุว่า ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้เสียหาย แต่ละรายถูกหลอกลวงให้ร่วมลงทุนจากบุคคลเดียวกัน ซึ่งบุคคลดังกล่าวได้พักอาศัยในเขตพื้นที่รับผิดชอบของท้องที่สถานีตำรวจนครบาล นิมิตรใหม่ หลังจากนี้ ตำรวจจะต้องทำการสอบปากคำผู้เสียหาย เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง ก่อนจะพิจารณาว่าเข้าข่ายในข้อหาใด
ทั้งนี้หากพบว่าเข้าข่ายในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ก็จะต้องประสาน ปปง.เพื่อตรวจสอบหาทรัพย์สินมาคืนผู้เสียหาย อย่างไรก็ตามได้แนะนำให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่กองบังคับการปราบปราม ถนนพหลโยธิน ด้วย เนื่องจากมีผู้เสียหายอยู่ในหลายพื้นที่